กลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีสหรัฐฯ เริ่มปฏิบัติการในทะเลจีนใต้ ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีน

วานนี้ (13 มกราคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของกองทัพสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นปฏิบัติการในพื้นที่แถบทะเลจีนใต้แล้ว ท่ามกลางความตึงเครียดกับทางการจีนที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งได้อ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำดังกล่าวว่าอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของจีน

ผู้บัญชาการกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี Nimitz Carrier Strike Group เผยว่า กลุ่มเรือนี้สามารถโจมตีได้ในทุกมุม ทุกองศา และทุกเขตแดน ทั้งยังนับเป็นการเดินกลุ่มเรือนี้เข้าสู่ทะเลจีนใต้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนเคลื่อนกำลังพลของกองทัพสหรัฐฯ ที่ต้องการจะฟื้นฟูกองกำลังภายในภูมิภาคนี้ เพื่อป้องปรามกับประเทศจีน มหาอำนาจในภูมิภาคที่พัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพของตนอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

ในสัปดาห์นี้ทางการญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้ประกาศเสริมกำลังพลในฐานทัพสหรัฐฯ ที่เมืองโอกินาวา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานข่าวกรองขั้นสูงและการต่อต้านเรือรบอื่นๆ โดยผู้แทนระดับสูงของทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องที่จะกระชับความสัมพันธ์กันในมิติด้านการทหารและความมั่นคง ท่ามกลางการขยายอำนาจและอิทธิพลอย่างต่อเนื่องของยักษ์ใหญ่อย่างจีน

ขณะที่ ออสติน ลอยด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พร้อมด้วย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวกับผู้แทนของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เดินทางมาเยือนถึงวอชิงตันว่า พวกเรากับญี่ปุ่นต่างแชร์วิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะมุ่งมั่นรักษาอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างเช่นนี้ไว้ โดยจะทำทุกอย่างให้ผลลัพธ์เป็นไปในทิศทางนั้น

โดยเมื่อราว 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องบินขับไล่ J-11 ของจีน ได้สกัดกั้นเครื่องบินสอดแนม RC-135 ของสหรัฐฯ เหนือทะเลจีนใต้ ซึ่งทางการสหรัฐฯ มองว่า เป็นสิ่งที่ค่อนข้างอันตราย หลังเครื่องบินของสหรัฐฯ ถูกบังคับให้หลบหลีก หากเครื่องบินของจีนบินเข้ามาใกล้ในระยะ 20 ฟุต ขณะที่กองทัพจีนอ้างว่า เครื่องบินลำดังกล่าวของสหรัฐฯ มีการปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน และอาจยิ่งทำให้สถานการณ์ในช่วงเวลานั้นเสี่ยงอันตราย โดยเบื้องต้นมีคำสั่งให้กองทัพเรือจีนเฝ้าติดตามปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้อย่างใกล้ชิด

แฟ้มภาพ: Mass Communication Specialist 3rd Class Matt Brown / U.S. Navy via Getty Images

อ้างอิง: