ทหารไนเจอร์ตัดสินใจก่อรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ยึดอำนาจประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด บาซูม พร้อมสั่งระงับการทำงานของสถาบันและองค์กรต่างๆ ทั้งหมด และสั่งปิดพรมแดนประเทศในทันที เมื่อคืนวานนี้ (26 กรกฎาคม) ตามเวลาท้องถิ่น
โดยคณะรัฐประหารภายใต้การนำของ พล.อ. อมาดู อับดรามาเน ประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ว่า “ขณะนี้ กองกำลังด้านกลาโหมและความมั่นคงได้ตัดสินใจยุติระบอบการปกครองในปัจจุบันลงแล้ว หลังจากสถานการณ์ด้านความมั่นคงย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาความตกต่ำทางเศรษฐกิจและธรรมาภิบาล”
คณะรัฐประหารยังขอความร่วมมือไม่ให้พันธมิตรต่างชาติทั้งหมดเข้าแทรกแซงกิจการภายในไนเจอร์ในช่วงเวลานี้ จึงมีการสั่งปิดพรมแดนประเทศ ทั้ง ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ จนกว่าสถานการณ์ภายในประเทศจะกลับมามั่นคงและมีเสถียรภาพ พร้อมประกาศช่วงเวลาเคอร์ฟิวตั้งแต่ 22.00-05.00 น. ของทุกวันต่อจากนี้ จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง
ทางด้านบาซูมถูกคณะรัฐประหารควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเขายังได้รับแรงสนับสนุนจาก แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ที่แสดงจุดยืนประณามการก่อรัฐประหารในครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้ทหารไนเจอร์คืนอำนาจให้กับประชาชน และปล่อยตัวประธานาธิบดีโดยเร็ว
โดยบาซูมถือเป็นผู้นำประเทศและพันธมิตรคนสำคัญของโลกตะวันตกในการต่อสู้และรับมือกับกลุ่มกองกำลังอิสลามหัวรุนแรงในพื้นที่แถบแอฟริกาตะวันตก ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านไนเจอร์อย่างมาลีและบูร์กินาฟาโซเองก็เคยเผชิญหน้ากับเหตุก่อรัฐประหาร และรับมือกับการขยายตัวของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธดังกล่าวในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
พล.อ. อับดรามาเน ประกาศว่า กองกำลังทหารจะทำหน้าที่ในสภาแห่งชาติเพื่อการปกป้องมาตุภูมิ (CNSP) เพื่อบริหารประเทศเป็นการชั่วคราว
ไนเจอร์เคยเกิดรัฐประหารมาแล้ว 4 ครั้ง นับตั้งแต่ประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 1960 ยังไม่นับรวมความพยายามในการก่อรัฐประหารอีกหลายครั้ง ถือเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะพื้นที่แถบแอฟริกาและบางประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ภาพ: ORTN – Télé Sahel / AFP
อ้างอิง: