Voom คือธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการขนส่งและคมนาคม ซึ่งเปิดให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและมีการจราจรติดขัดบนท้องถนนราวกับเป็นแท็กซี่บนท้องฟ้า ซึ่งเปิดให้บริการแล้วในเมืองเซาเปาโล ของบราซิล ถ้าธุรกิจนี้ได้รับความนิยม ทางบริษัทมีแผนที่จะขยายกิจการไปยังท้องฟ้าประเทศต่างๆ ในลาตินอเมริกาและเอเชียอีกด้วย
ในขณะที่อูเบอร์เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางบนท้องถนนในเมืองต่างๆ ทั่วโลก ท้องฟ้าเหนือเมืองเซาเปาโลก็กำลังจะเปลี่ยนไปเช่นกัน ในช่วงที่การจราจรบนท้องถนนแน่นขนัด แอปพลิเคชัน Voom กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของคนในเมืองนี้ โดยจะให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารไปยังที่ต่างๆ ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งจะคิดอัตราค่าบริการจากระยะทางและน้ำหนักตัวของผู้โดยสาร
กุสตาโว บอยด์ (Gustavo Boyde) นักธุรกิจด้านไอทีชาวบราซิลที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในลูกค้าที่เลือกใช้บริการเฮลิคอปเตอร์สไตล์อูเบอร์นี้ทุกครั้งที่เดินทางกลับมาทำธุระที่เมืองเซาเปาโลแห่งนี้ เขากล่าวว่า
“ผมเลือกใช้บริการของ Voom เพราะการจราจรของเมืองเซาเปาโลค่อนข้างเลวร้าย รถทุกคันบนท้องถนนดูเหมือนจะไม่ขยับไปไหนเลย โดยเฉพาะในช่วงเย็นวันศุกร์ ซึ่งผมเคยใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงกว่าจะไปถึงที่สนามบิน ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเลือกที่จะใช้บริการเฮลิคอปเตอร์นี้ได้ไม่ยาก”
เส้นทางการบินของ Voom ที่มีราคาแพงที่สุดจากใจกลางเมืองไปยังสนามบินนานาชาติเซาเปาโลมีค่าใช้จ่ายเพียง 500 เรียลบราซิล หรือ 150 เหรียญสหรัฐ (ราว 5,000 บาท) เท่านั้น ซึ่งนับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับธุรกิจการบินชนิดอื่นๆ
เซาเปาโลถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา มีจำนวนผู้อยู่อาศัยมากกว่า 12 ล้านคนในเมืองนี้ มีจำนวนยานพาหนะทั้งหมดราว 5,900,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนรถยนต์ 1 คันต่อชาวบราซิล 1-2 คน ในชั่วโมงเร่งด่วน รถบนท้องถนนอาจจะติดขัดเป็นระยะทางถึง 576 กิโลเมตร
อัตราค่าบริการที่ผู้โดยสารจ่ายไหว
จากการเปรียบเทียบอัตราค่าบริการในตลาดการขนส่งทางอากาศก่อนหน้าที่จะเปิดตัว Voom หรือเฮลิคอปเตอร์สไตล์อูเบอร์นั้น ผู้ประกอบการเจ้าเก่าอาจจะต้องเสียภาษีสูงกว่าถึง 10 เท่าในโมเดลธุรกิจแบบเดิมๆ อีกทั้งลูกค้าจะต้องทำการจองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน ก่อนการเดินทางอีกด้วย
การเปิดตัวธุรกิจการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่มาพร้อมกับแอปพลิเคชันออนไลน์ที่สะดวกรวดเร็วในการเรียกใช้บริการ อีกทั้งลูกค้ายังจะสามารถทราบค่าโดยสารล่วงหน้าหลังจากที่กรอกจุดหมายปลายทางและน้ำหนักตัว (โดยประมาณ) ลงในแอปพลิเคชันเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้อีกด้วย Voom จึงนำเสนอมิติใหม่ของการเดินทางในชั่วโมงเร่งรีบให้แก่ลูกค้าทุกคนอย่างแท้จริง
อูมา ซูบรามาเนียน (Uma Subramanian) กรรมการบริหารของ Voom กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้การโดยสารเฮลิคอปเตอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของพวกเขา และเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของคนในเมืองนี้”
ในกรณีของกุสตาโวที่ต้องการจะเดินทางจากเมืองอีเตียมบีบี ไปยังสนามบินนั้นเป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร เมื่อคำนวณกับน้ำหนักตัวของเขาแล้ว เขาจะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 9 นาที และต้องจ่ายค่าโดยสารเพียง 150 เหรียญสหรัฐ (ราว 5,000 บาท) เท่านั้น แต่ถ้าหากเขาเลือกใช้บริการอูเบอร์ หรือรถแท็กซี่ภาคพื้นดิน แม้เขาจะจ่ายค่าโดยสารเพียง 50 เหรียญสหรัฐ (ราว 1,700 บาท) แต่เขาจะต้องเสียเวลาอยู่ในขบวนรถติดนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งเป็นอย่างต่ำแน่นอน
กุสโตโวกล่าวว่า “อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกใช้บริการเฮลิคอปเตอร์สไตล์อูเบอร์ของ Voom นั้นเป็นเพราะว่า อัตราค่าโดยสารของ Voom ยังอยู่ในงบการเดินทางของเขา มันค่อนข้างถูกและมีมาตรฐานในการบริการ คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย ยิ่งถ้าจะต้องติดอยู่บนท้องถนนเกือบ 2 ชั่วโมงด้วยแล้ว ผมเอาเวลาช่วงนั้นไปทำงานยังจะดีกว่า เพราะตารางการทำงานของผมในแต่ละวันค่อนข้างแน่น”
ลูคัส อมาดิว (Lucas Amadeu) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Voom เผยว่า “เพื่อนๆ ของผมมักถามผมว่า ทำไมเดี๋ยวนี้รวยจัง จะไปไหนมาไหนก็ใช้บริการแต่เฮลิคอปเตอร์ พวกเขาตกใจมากเมื่อผมบอกค่าโดยสารที่ผมจ่ายให้พวกเขารู้ และผมมั่นใจว่าเมื่อทุกคนรู้เรตราคาของการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ธุรกิจนี้จะยังเติบโตได้อีกไกลมาก”
ทำไมถึงเลือกทำธุรกิจสตาร์ทอัพนี้ที่บราซิล
เซาเปาโลเป็น 1 ใน 500 เมืองใหญ่ที่น่าสนใจในการที่จะเริ่มทำธุรกิจการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกาแล้ว ยังมีจำนวนเฮลิคอปเตอร์มากที่สุดในโลกอีกด้วย
สมาคมการบินพลเรือนแห่งชาติของบราซิล (National Association for Civil Aviation: ANAC) กล่าวว่า “ที่นี่มีจำนวนเฮลิคอปเตอร์ถึง 700 ลำ หรือเกือบ 1 ใน 3 ของเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดที่ใช้ในบราซิล อีกทั้งยังมีที่จอดเฮลิคอปเตอร์มากถึง 528 จุดอีกด้วย”
นอกจากการนำเสนอมิติใหม่ในการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และราคาสมเหตุสมผล ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของ Voom แล้ว สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยของบราซิลเอง โดยเฉพาะภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบินจะยิ่งอ้าแขนต้อนรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้อย่างแน่นอน โดยหวังจะช่วยพยุงให้ภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น Voom จึงได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
อุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ
ปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินธุรกิจประเภทนี้ ทำให้ลูกค้าหลายคนจำใจจะต้องหันไปพึ่งการใช้บริการแท็กซี่ และทนกับการจราจรติดขัดนานหลายชั่วโมง เพราะไม่มีทางเลือกอื่น และอย่างที่ทราบกันดีว่าการบริการขนส่งสาธารณะในเซาเปาโลไม่ได้มาตรฐาน ในปี 2013 เคยเกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด หลังจากทางการขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางและรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเพิ่มภาระให้กับประชาชนอย่างมาก
อีกสิ่งหนึ่งที่ Voom กังวลใจคือ หากธุรกิจสตาร์ทอัพนี้ได้รับความนิยมมากจนเกินไป อาจจะทำให้ทางการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับข้อบังคับการบินที่เข้มงวดขึ้น พร้อมกับจำกัดจำนวนเที่ยวในการเดินทาง
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าธุรกิจนี้เติบโตและได้รับความนิยมอย่างมาก Voom มีแผนที่จะขยายตลาดออกไปยังท้องฟ้าของเมืองต่างๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา รวมถึงในทวีปเอเชียด้วย
โดยเมืองต่อไปที่เฮลิคอปเตอร์สไตล์อูเบอร์นี้จะไปเปิดตัวคือเม็กซิโก เนื่องจากมีการจราจรติดขัดติดอันดับโลกเช่นเดียวกันกับเมืองเซาเปาโล
และไม่แน่ว่าในอนาคต Voom ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์สุดเจ๋งนี้อาจจะมาเปิดให้ใช้บริการในประเทศไทย ประเทศที่มีเมืองหลวงติดอันดับท็อปของโลกเรื่องการจราจรติดขัดก็เป็นได้
Photo: NELSON ALMEIDA/AFP
อ้างอิง:
