พายุหิมะถล่มรัฐนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกามานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว โดยเฉพาะในย่านบัฟฟาโลที่วัดความสูงของหิมะได้ 36.9 นิ้ว (เกือบ 1 เมตร) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 พฤศจิกายน) นับเป็นสถิติที่สูงเป็นอันดับ 2 ของปริมาณหิมะที่ตกลงมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนของรัฐแห่งนี้ เป็นรองเพียงแค่สถิติเมื่อปี 2000 ที่วัดความสูงได้ 45.6 นิ้ว (ราว 1.12 เมตร)
ทางด้านศูนย์รายงานสภาพอากาศแห่งชาติที่ดูแลพื้นที่ทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ ระบุว่า ในพื้นที่แถบออร์ชาร์ดพาร์กของรัฐนิวยอร์กมีปริมาณหิมะตกลงมารวมกันสูงถึง 80 นิ้ว (ราว 2 เมตร) ในช่วงวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ทางการท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 รายในกองพายุหิมะ คาดว่าอาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจที่อาการกำเริบขึ้น ขณะที่พยายามจะออกแรงใช้พลั่วตักหิมะเพื่อเคลียร์พื้นที่
ทางด้าน มาร์ก โปลอนคาร์ซ ผู้บริหารสูงสุดเขตอีรีที่ย่านบัฟฟาโลตั้งอยู่ ชี้ว่า พายุหิมะที่ถล่มมืองในครั้งนี้ อาจรุนแรงกว่าช่วงที่พายุหิมะถล่มย่านบัฟฟาโลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2014 (Snowvember) ที่วัดความสูงได้กว่า 2 เมตร และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 รายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น โดยเขาระบุว่า การฟื้นตัวที่รวดเร็วจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเตรียมพร้อมและการวางแผนของทุกๆ คนในเมืองนี้
ขณะที่สถานศึกษาหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก ยังคงปิดการเรียนการสอนชั่วคราว หลายเที่ยวบินถูกยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางออกไปอีก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายทำให้ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้อย่างปลอดภัย
อ้างอิง: