หากย้อนกลับไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงแรกจนถึงปัจจุบัน ณ วันนี้ (24 มิถุนายน) ประเทศไทยไม่พบรายงานผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศเป็นเวลานาน 30 วันติดต่อกันแล้ว แม้จะมีการรายงานพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มที่กลับจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine จากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. อยู่ในทุกๆ วันก็ตาม
โดยหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ป้องกันโรคในประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับคำชมจากนานาประเทศก็คือ ‘ประชาชนคนไทยทุกคน’ ที่ร่วมกันรักษาวินัยและรู้จักรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม
แต่ข่าวดีที่พ่วงมากับการไร้ผู้ติดเชื้อในประเทศอย่างต่อเนื่องคือ การที่กิจการ-กิจกรรมต่างๆ ในประเทศเริ่มได้รับการปลดล็อกเป็นระยะๆ นั่นจึงทำเราได้พบเห็นภาพวิถีการดำเนินชีวิตในแบบที่คุ้นเคย กลับสู่ภาวะที่ ‘เกือบปกติ’ อีกครั้ง ภาพใต้รูปแบบที่เรียกว่า ‘ชีวิตวิถีใหม่’ หรือ New Normal
และแม้ว่าในภาพรวม บรรยากาศหรือสถานการณ์เริ่มมีทิศทางที่ดี แต่นี่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่ทุกคนจะสามารถนิ่งนอนใจแบบเต็ม 100% ตราบใดที่วัคซีนป้องกันโรคยังไม่เกิดขึ้น เท่ากับว่าทุกคนล้วนยังต้องใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อโรคโควิด-19 อยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น ในเวลานี้ทุกคนยังต้องเคร่งครัดในการป้องกันตัวเองจากโรค อย่างที่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ เปรียบไว้ว่า หากสถานการณ์นี้เป็นการวิ่ง นี่ไม่ใช่การวิ่งแบบระยะสั้น 100 เมตรแล้วรู้ผล แต่เป็นการวิ่งแบบมาราธอนที่ทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
