×

สรุปแนวทาง Netflix ปี 2024 กับคอนเทนต์ไทยที่ยังคงหลากหลาย หวังสร้างแรงกระเพื่อมให้วงการภาพยนตร์ไทย

05.02.2024
  • LOADING...
ภาพยนตร์ไทย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปี 2023 นอกจากภาพยนตร์ที่ฉายอยู่ตามโรงแล้ว คอนเทนต์ไทยที่มาจาก Netflix ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้วงการภาพยนตร์ไทยกลับมาเป็นที่เชื่อมั่นของคนดูอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น HUNGER คนหิว เกมกระหาย ของ โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ, DELETE ของ โอ๋-ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ, มนต์รักนักพากย์ ของ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร, Analog Squad ของ ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร, The Lost Lotteries ปฏิบัติการกู้หวย ของ ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ หรือ The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ ของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับคำชมแทบทั้งสิ้น 

 

และในปีนี้ทาง Netflix ก็ยังคงเดินหน้าผลิตผลงานที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพเพื่อให้คอภาพยนตร์ไทยได้เสพคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายขึ้น ซึ่ง THE STANDARD POP ก็ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับ สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ประจำประเทศไทยของ Netflix ถึงความรู้สึกของภาพรวมปีที่ผ่านมาและแนวทางต่อไปที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ 

 

Dr. Climax. Ter Chantavit (เต๋อ ฉันทวิชช์) as DR. Nut (หมอนัท) in Dr. Climax. Cr. Courtesy of Netflix © 2024

Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว

 

โดยสินเล่าว่า เขาได้เห็นความคิดและแพสชันที่น่ามหัศจรรย์ของครีเอเตอร์ไทยหลายครั้ง แต่มันก็เหมือนมีทรัพยากรบางอย่างที่ไม่เพียงพอที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น และพอได้มาร่วมกับ Netflix ที่ค่อนข้างจะโฟกัสในการยกระดับภาพยนตร์ เขาเลยพยายามที่จะสนับสนุนทรัพยากรในด้านต่างๆ และเท่าที่ฟังฟีดแบ็กจากผลงานที่ผ่านมาพบว่า ทุกคนมีความสุขกับมัน เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้การทำงานของพวกเขาดีขึ้น 

 

ที่สำคัญ Netflix เป็นค่ายบริการสตรีมมิงที่ให้บริการทุกประเทศ นั่นเลยทำให้งานของผู้กำกับไทยถูกมองเห็นมากขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวเขาตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นจริงมาโดยตลอด 

 

Tomorrow and I

 

ทั้งนี้ พอถูกถามว่าแล้วแนวทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป สินตอบว่า เขามองหาคอนเทนต์ที่คนดูอยากดู หรือไม่ก็งานบางประเภทที่มีความพิเศษหรือแตกต่าง เช่น The Murderer แต่ในโลกปัจจุบันด้วยความที่คอนเทนต์มีความหลากหลาย มันเลยมีงานบางอย่างที่เขาลองทำและตั้งโจทย์กับตัวเองว่าคนไทยจะดูหรือเปล่า

 

การบ้านของ Netflix ไทยเลยมี 2 อย่าง หนึ่งคือ ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นได้อย่างไร สองคือ ถ้าเขาช่วยผลักดันให้มันเกิดขึ้นได้ก็มาลองดูสิว่าคนดูจะชอบไหม ทั้งหมดนี้เลยกลายเป็นการมอบมุมมองที่หลากหลายให้กับคนไทยได้ลองดูมากขึ้น ซึ่งนี่น่าจะเป็นโจทย์ 2 อย่างที่สำคัญที่สุด และเป็นสิ่งที่ทุกคนจะได้เห็นชัดเจนขึ้นในปี 2024

 

สินยังเสริมอีกว่า เขาตั้งใจทำงานกับครีเอเตอร์ส่วนใหญ่โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยกันเล่าเรื่องที่สนุก เพราะเป้าหมายหลักของ Netflix คือ Entertain the World โดยที่ยังมีคนดูคนไทยหรือ Local First อยู่ด้วย

 

Bangkok Breaking: Heaven and Hell Bangkok Breaking: ฝ่านรกเมืองเทวดา

 

ไม่เพียงแค่นั้น ทุกงานที่ส่งออกไปเขาพยายามจะเรียนรู้และหาข้อมูลจากมันว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนดูพึงพอใจ เช่น HUNGER ซึ่งเขาก็จะดูว่าเบื้องต้นอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เข้าถึงคนดูได้หลายกลุ่มจนค้นพบอย่างหนึ่งว่า ‘อาหาร’ คือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์สามารถเข้าถึงง่าย ส่วนอีกประเด็นก็คือ ‘เรื่องชนชั้น’ เพราะมันเป็นปัญหาสากลที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างของ HUNGER ก็คือ ‘ภาษาภาพยนตร์’ ที่สามารถนำพาวัฒนธรรมและเรื่องราวที่แตกต่างไปได้โดยใช้ภาษาภาพยนตร์ ซึ่งนอกจากภาพยนตร์ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นก็มีอีกหลายเรื่องที่เขานำมาปรับใช้กับแผนงานในปีนี้ 

 

ส่วนวิธีการคัดเลือกโปรเจกต์ เขาก็หยิบยกกฎเกณฑ์ 3 ส. มาใช้ หนึ่งคือ สนุก สองคือ สร้างสรรค์ และสามคือ ส่งเสริม ซึ่งเขาก็พยายามที่จะบาลานซ์ 3 สิ่งนี้เข้าด้วยกันเพื่อทำให้คนดูสนุก แต่ก็ยังรับรู้ถึงประเด็นบางอย่างที่ภาพยนตร์ตั้งคำถามเอาไว้ โดยสินก็หวังว่าคอนเทนต์ในปีนี้จะสามารถเอาชนะใจคนไทยได้ เพราะ Netflix พยายามที่จะสร้างความหลากหลายเพื่อให้คนดูได้เปิดรสนิยมในการดู และมันเป็นการเปิดโอกาสให้คนทำได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วย 

 

อย่างไรก็ดี สินรวมถึงทีมที่ยังคงต้องทำงานหนักกันเหมือนเดิม เพราะพวกเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องนี้มีความน่าสนใจอะไร ทำไมคนถึงดู ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะเป็นข้อมูลที่ทำให้ Netflix สามารถพัฒนาชิ้นงานต่อๆ ไปได้ แต่ในหลายๆ ส่วนเขาก็ตั้งใจไว้ว่าคนในประเทศจะต้องดูให้ได้ก่อน

 

Master of the House สืบสันดาน 

 

และเมื่อถูกถามว่าจะมีการซื้อภาพยนตร์อินดี้ฟอร์มเล็กมาฉายไหม สินอธิบายว่า ถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่คนอยากดู พวกเขาก็จะพยายามจัดหามันมา แต่บางเรื่องก็ต้องไปดูลิขสิทธิ์เรื่องการจัดจำหน่ายก่อน หรือถ้าเกิดมีจังหวะเวลาที่พอดีก็จะพยายามรวบรวมมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นนโยบายที่ Netflix กำลังทำมาอย่างต่อเนื่อง

 

สุดท้ายสินได้สรุปรวบยอดถึงแนวทางที่เขาและทีมต้องการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการภาพยนตร์ไทยเอาไว้ว่า มันทำให้คนทำคิดว่าการสร้างงานแบบนี้มีความเป็นไปได้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ จุดไฟความหวังของพวกเขาให้ขึ้นมาในระดับหนึ่ง ส่วนในแง่คนดูก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Netflix พยายามสร้างความหลากหลาย สร้างความคุ้นเคย สร้างความเปิดกว้าง ฉะนั้นมันน่าจะเปิดโอกาสให้กับภาพยนตร์ที่มีความแตกต่างเยอะขึ้น ซึ่งก็หวังว่าท่ามกลางตัวเลือกที่มากมาย คนดูจะเลือกคอนเทนต์ไทยในปีนี้ของพวกเขาด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Netflix

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising