พฤติกรรมการดื่มด่ำรสชาติกาแฟยามเช้าของคนยุคนี้เปลี่ยนไปแค่ไหน? เมื่อเราต้องรีบออกจากบ้านเพื่อไปทำงานหรือธุระต่างๆ จึงมีเวลาค่อนข้างน้อยในการเตรียมกาแฟแก้วโปรด ดังนั้นเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว ได้คุณภาพกาแฟที่ดีเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญการชงกาแฟ คุณก็แค่บรรจุแคปซูลกาแฟลงไปแล้วกดปุ่ม เพียงเท่านี้ก็ได้กาแฟแก้วโปรดรสชาติดีเหมือนมีบาริสต้ามาเสิร์ฟถึงบ้านทุกเช้า เครื่องชงกาแฟแคปซูลจึงกลายเป็นไอเท็มที่ตอบโจทย์คอกาแฟยุคนี้ที่ต้องมีติดบ้าน
แต่ในความง่ายก็อาจทำให้คอกาแฟสายกรีนกังวลว่า ขยะที่เกิดจากแคปซูลกาแฟในแต่ละวันจะกลายเป็นปัญหาตามมาหรือไม่? เพราะก่อนหน้านี้แคปซูลกาแฟถูกโจมตีในเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่ยากต่อการย่อยสลายหรือรีไซเคิล หลายแบรนด์พยายามหาวิธีผลิตบรรจุภัณฑ์แคปซูลกาแฟที่ย่อยสลายตามธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่ก็เป็นโจทย์ที่แบรนด์ระดับโลกอย่าง Nespresso คำนึงถึงและให้ความสนใจมาตลอด อย่างที่รู้กัน Nespresso วางแนวทางชัดเจนที่จะเป็นแบรนด์ที่เน้นเรื่องความยั่งยืน ทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นตอของแคปซูล เรื่องราวระหว่างทางจนถึงปลายน้ำจึงต้องสร้างความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ‘กาแฟแคปซูลที่ทำมาจากอะลูมิเนียม’ จึงถือกำเนิดขึ้น และเป็นรายแรกของโลกที่เลือกใช้อะลูมิเนียมในการผลิตแคปซูลกาแฟ
‘อะลูมิเนียม’ วัสดุม้ามืดที่ดีต่อการ ‘เก็บรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของกาแฟ’ และรีไซเคิลได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มีเหตุผลมากมายที่อะลูมิเนียมลอยลำเข้าวินกลายเป็นวัสดุที่เหมาะที่สุดในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการตอบรับแรงดันสูง (19 บาร์) ของเครื่องชงกาแฟ Nespresso ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเมื่อทดลอง วิจัย ค้นคว้า ยังพบว่าอะลูมิเนียมแคปซูล มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาคุณภาพของกาแฟได้ดี เพราะช่วยป้องกันปัจจัยภายนอกอย่างออกซิเจน แสง และความชื้น ที่สำคัญคือช่วยเก็บรักษากลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Nespresso ไว้เป็นอย่างดี ได้รสชาติกาแฟที่สมบูรณ์และเหมือนเดิมทุกแก้ว
เพื่อให้ได้อะลูมิเนียมแคปซูลกาแฟที่ดีที่สุด Nespresso จึงร่วมกับมือบริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก Rio Tinto ร่วมผลิตแคปซูลกาแฟจากอะลูมิเนียม โดยใช้กระบวนการผลิตจากพลังงานน้ำทั้งหมด ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมแบบครบองค์ ทั้งการใช้พลังงานทางเลือกและตัวอะลูมิเนียมที่เลือกใช้ยังทำมาจาก Bauxite ซึ่งเป็นสินแร่อะลูมิเนียมชั้นดีจากธรรมชาติที่สามารถนำมารีไซเคิลได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยไม่สูญเสียคุณภาพของอะลูมิเนียมแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับอะลูมิเนียมอื่นๆ
แนวคิดการนำอะลูมิเนียมแคปซูลกาแฟมารีไซเคิล ประเทศต้นกำเนิดแบรนด์ Nespresso จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มต้นโครงการรีไซเคิลอะลูมิเนียมแคปซูลกาแฟใช้แล้วมาตั้งแต่ปี 1995 จนถึงตอนนี้มีประเทศที่เข้าร่วมแล้ว 39 ประเทศ และมีจุดรับคืนอะลูมิเนียมแคปซูลกาแฟกว่า 14,000 แห่งทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่เปิดตัวโครงการเมื่อปี 2017
อะลูมิเนียมที่ใช้ทำแคปซูลกาแฟของ Nespresso นั้นต้องใช้กระบวนการรีไซเคิลแบบเฉพาะเจาะจง หลังจากที่แคปซูลใช้แล้วได้ผ่านเครื่องคัดแยก จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นกากกาแฟและอะลูมิเนียมผสมกันอยู่ จากนั้นจะนำเข้าเครื่องแยกระหว่างกากกาแฟกับอะลูมิเนียม กากกาแฟที่ได้จะนำไปรีไซเคิลเป็นปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งกากกาแฟจะมีค่าไนโตรเจนสูง เหมาะแก่การเป็นปุ๋ยสำหรับผักใบ เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง หรือผักกุยช่าย
ส่วนแคปซูลที่ทำจากอะลูมิเนียมจะถูกนำไปบีบอัดเป็นก้อน ก่อนนำไปหลอมละลาย เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ กระบวนการนี้ทำให้เห็นข้อดีของอะลูมิเนียมอีกเรื่องคือ ใช้พลังงานในการรีไซเคิลน้อยกว่าการผลิตโลหะขั้นปฐมภูมิสูงถึง 95% แต่ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่า เนื่องจากรักษาคุณสมบัติทั่วไปเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะผ่านการรีไซเคิลกี่ครั้ง
เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นและเชื่อมั่นว่า โครงการรีไซเคิลอะลูมิเนียมแคปซูลกาแฟใช้แล้วสามารถสร้างประโยชน์และสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง รวมถึงสะกิดใจคอกาแฟให้ตระหนักถึงความสำคัญของการรีไซเคิล เหมือนที่ ฌอง-มาร์ค ดูวัวแซง ซีอีโอของ Nespresso เคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดเริ่มต้นแนวคิดรีไซเคิลอะลูมิเนียมแคปซูลให้กลายเป็นสินค้าที่ใช้งานได้จริง “เราพยายามทำให้คอกาแฟมองเห็นถึงโอกาสในการนำอะลูมิเนียมจากแคปซูลกาแฟเนสเพรสโซกลับมาใช้ใหม่”
จากอะลูมิเนียมแคปซูลกาแฟ สู่ผลิตภัณฑ์ ปุ๋ย และจิตสำนึก ‘รักษ์โลก’
อะลูมิเนียมแคปซูลกาแฟสามารถนำไปรีไซเคิลเป็นกระป๋องเครื่องดื่ม จักรยาน คอมพิวเตอร์ แผงด้านข้างของเครื่องชงกาแฟ Pixie และแคปซูลใหม่ได้จริงหรือโดยไร้ข้อกังขา ดูได้จากความร่วมมือกับแบรนด์ Vélosophy ธุรกิจสตาร์ทอัพสัญชาติสวีเดน ที่ร่วมกันสร้างสรรค์จักรยาน RE:CYCLE ซึ่งมาจากแคปซูลกาแฟ 300 อัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอะลูมิเนียมว่าสามารถนำมาแปลงโฉมใหม่ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสไตล์และใช้งานได้จริง หรือการผลิตปากกาที่ทำร่วมกับ Caran d’Ache หรือมีด Swiss ที่ทำร่วมกับ Victorinox
จักรยาน RE:CYCLE ผลิตจากแคปซูลกาแฟ 300 อัน
สร้างสรรค์โดยแบรนด์ Vélosophy ธุรกิจสตาร์ทอัพสัญชาติสวีเดน
มีด Swiss ที่ทำร่วมกับ Victorinox
Nespresso ในประเทศไทย ตลอดระยะเวลาหลายปียังได้ร่วมมือกับบริษัทวงษ์พาณิชย์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการในการรีไซเคิลแบบครบวงจรและได้มาตรฐานรับรองด้านบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีพันธกิจที่สอดคล้องกับพันธสัญญาแห่งความยั่งยืนของ Nespresso โดยกากกาแฟที่ได้จะส่งไปยังแปลงผักต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการทำเป็นปุ๋ยชีวภาพต่อไป
สร้างความเปลี่ยนแปลงง่ายๆ แค่ส่งคืน ‘แคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วของ Nespresso’
เพราะเราอาศัยและใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบเดียวกัน การดูแลโลกจึงถือเป็นความรับผิดชอบร่วม เราเลือกได้ว่าทุกครั้งที่กดปุ่มเครื่องชงกาแฟแคปซูลจะสร้างผลกระทบแบบไหนกับโลกใบนี้ ถ้าคุณอยากร่วมรีไซเคิลได้ง่ายๆ เพียงแค่ส่งคืนแคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วให้กับ Nespresso
โดยแค่นำแคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วจัดเก็บใส่ไว้ในถุงรีไซเคิลของ Nespresso และนำมายังจุด Drop Point ต่างๆ หรือ Nespresso Boutique ทุกสาขา รวมไปถึงจุดจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
เช็กจุดรับแคปซูลที่ใช้แล้วได้ที่ https://www.nespresso.com/th/th/doing-is-everything หรือใช้บริการ Recycle at Home เพียงแค่ส่งคืนแคปซูลให้กับพนักงานส่งสินค้าเมื่อสั่งซื้อออนไลน์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้ Nespresso นำไปรีไซเคิลและสร้างสิ่งใหม่ที่มีประโยชน์คืนกลับสู่โลกของเรา
ง่ายๆ เท่านี้ คุณเองก็ได้เป็นส่วนสำคัญในการร่วมรับผิดชอบต่อความยั่งยืนของธรรมชาติแล้ว
อ้างอิง: