วันนี้ (8 ธันวาคม) ศ. นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความให้ความรู้เรื่อง ‘บิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์’ ความว่า เรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำ หรือทำเวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้งเป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะเพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตได้
ศ. นพ.ธีระวัฒน์ ระบุต่อว่า ความจริงเรื่องเกี่ยวกับคอเป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลา 2 ปีว่า มีใครเคยพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับ กระดูกคอหรือไม่ แพทย์ด้านสมอง 177 คน รายงานว่า เคยเจอผู้ป่วย 55 คนเข้าข่ายกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21-60 ปี หลังจากมีการบิด ดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลังตัน-ตีบ ซึ่งแพทย์เองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ ปรากฏว่าเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆ ดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้านมีอาการอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสียืนยันว่า มีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ
ศ. นพ.ธีระวัฒน์ ระบุต่อว่า สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆ ที่คอด้านหน้า ซึ่งไปเลี้ยงสมอง หน้าผาก และขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอย ซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลังคุมการทรงตัว ก้านสมอง ซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว และการเคลื่อนไหวแขน-ขา
การสะบัดคอแรงๆ การหมุนบิดคอ บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็วและรุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอ และแม้หมุนหรือสะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆ เป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้ว หรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด ซึ่งพบได้น้อยมาก
ทั้งนี้ สำหรับข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ซึ่งการนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวดอาจมีวิธีเปิด-ปิดประตู
การเปิด-ปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้าง ซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอย ซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิม ทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้วตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เมื่อยคอ มีวิธีแก้เมื่อยรวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือ คอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้าย ขวา หน้า หลัง เท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ และยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูกและเส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลให้เสียเวลารถติด ข้อสำคัญคือไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ หากเราทราบข้อห้าม รวมถึงโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็น ก็จะปฏิบัติได้ถูกวิธี ไม่เกิดอันตราย