องค์กร Elephants Without Borders (EWB) ที่ดูแลและเก็บข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับช้างในประเทศต่างๆ พบซากช้างเกือบ 100 ตัวตายอยู่ใกล้บริเวณแหล่งน้ำที่เริ่มทำการสำรวจเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากการสำรวจทางอากาศตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้นับเป็นการล่าช้างเอางาที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในทวีปแอฟริกาเลยทีเดียว
ไมค์ เชส (Mike Chase) ประธานของกลุ่ม EWB ระบุว่า “พวกเราเริ่มทำการสำรวจและนับจำนวนซากช้างที่ตายลงทุกวันตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตอนนี้มีซากช้างมากกว่า 90 ตัวแล้ว” โดยเชสยังเผยอีกว่าช้างส่วนใหญ่ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลระยะไกล รวมถึงตรวจสอบพบรอยขวานจามบริเวณส่วนหัวของช้าง
ทางด้านรัฐบาลบอตสวานาโต้แย้งว่าสถิติของ EWB ไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าช้างที่ตายไปกว่า 53 ตัวก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ได้รับการยืนยันแล้วว่า ‘ตายลงด้วยเหตุทางธรรมชาติ ไม่ใช่จากการถูกล่าแต่อย่างใด’ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าสัตว์ป่าทุกตัวยังคงถือเป็นสมบัติของประเทศนี้ และพลเมืองทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันดูและรักษาสมบัติที่มีชีวิตเหล่านี้
ทางด้านรัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวอย่าง เชเคดี คามา (Tshekedi Khama) กล่าวยืนยันว่าช้างแอฟริกาถูกล่าเพื่อเอางาจริงๆ ในบอตสวานา และเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ถ้าสถิติการล่ายังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ประชากรช้างในประเทศแห่งนี้เริ่มเข้าขั้นวิกฤต หลังจากจำนวนประชากรช้างของประเทศเพื่อนบ้านอย่างแซมเบียและแองโกลาลดลงเกือบจะหมดประเทศ เนื่องจากการฆ่าช้างเพื่อเอางา
ก่อนหน้านี้บอตสวานาเคยเป็นประเทศหนึ่งที่มีมาตรการขั้นเด็ดขาดในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการล่าช้าง นั่นคือนโยบาย shoot-to-kill ทันทีที่พบเห็นกลุ่มผู้ลักลอบล่าช้างเอางา ปัจจุบันประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในบ้านหลังใหญ่ที่สุดของช้างป่าแอฟริกากว่า 135,000 ตัว
สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ระบุว่าทั่วโลกมีจำนวนประชากรช้างแอฟริกาลดลงอย่างมากราว 111,000-415,000 ตัวตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึงมีช้างถูกฆ่าเพื่อเอางาเฉลี่ย 30,000 ตัวต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการงาช้างของเหล่าบรรดานักสะสมชาวเอเชีย โดยงาช้างทั่วไปจะมีราคา ประมาณกิโลกรัมละ 1,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 33,000 บาท)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: