×

‘โลกหลายขั้ว’ ความเสี่ยงและโอกาสของ Thematic Investor

26.06.2023
  • LOADING...

Multipolar World หรือ ‘โลกหลายขั้ว’ เป็นหนึ่งในแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทำให้การลงทุนของเรามีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน

 

ไม่ใช่แค่เพราะทุกประเทศตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสายพานการผลิตของอุตสาหกรรม จนเริ่มกระจายการลงทุนเพื่อ ‘ลดความเสี่ยงโลกาภิวัตน์’ (Deglobalization) แต่ล่าสุด ‘การแบ่งขั้ว’ หรือ Decoupling ยิ่งทำให้กระแสนี้ทวีความรุนแรง และเพิ่มความผันผวนให้ทุกการลงทุน

 

และถ้า Multipolar World จะอยู่กับเราไปเป็นทศวรรษ นักลงทุนก็ต้องทำความเข้าใจผลกระทบทางเศรษฐกิจ ประเมินทิศทางในอนาคต และรู้ให้ทันโอกาสหรือความเสี่ยงของธีมลงทุนที่เกี่ยวข้อง

 

สำหรับโลกการเงิน โลกหลายขั้วแบ่งได้เป็น 2 แนวโน้มใหญ่คือ Deglobalization เป็นพื้นฐาน และ Decoupling เป็นความเสี่ยงส่วนเพิ่ม

 

ส่วนการเปลี่ยนแปลงของภาครัฐและธุรกิจจะแบ่งได้อีก 3 กิจกรรมหลัก คือ 1. การปรับเพิ่ม-ลดสัดส่วน Friend-Shoring หรือการลงทุนในประเทศพันธมิตร 2. การดึงการผลิตที่มีความสำคัญกลับมาลงทุนที่ประเทศตนเอง หรือเรียกว่า Localization และ 3. การสร้างการแข่งขันและจัดทำ Global Standards

 

สำหรับ Deglobalization สิ่งที่เราจะเห็นเป็นหลักคือ การสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ส่งเสริมให้ธุรกิจที่เป็นยุทธศาสตร์กลับมาลงทุนในประเทศ และผลักดันให้เกิดการแบ่งปันเทคโนโลยีเฉพาะภายในพันธมิตร

 

จุดอ่อนของ Deglobalization ในแง่การเปลี่ยนแปลงคือความเชื่องช้า เพราะต้องรอให้เอกชนปรับตัวเองเป็นหลัก แต่จุดแข็งคือ เป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในระยะยาวเมื่อผลประโยชน์ชัดเจน

 

ในส่วนของ Decoupling นั้น กลุ่มประเทศขั้วอำนาจหลักมักใช้การออกกฎระเบียบสากล หรือเพิ่ม-ลดกำแพงภาษี นโยบายเหล่านี้จะส่งผลอย่างเฉียบพลัน แต่มักตามด้วยความผันผวนทางเศรษฐกิจทั้งในเชิงปริมาณและราคา 

 

ด้วยกรอบวิธีคิดนี้ 3 ธีมลงทุนที่คาดว่าจะถูกตั้งคำถามมากที่สุดหนีไม่พ้น Semiconductor, Robotics and AI และ Electric Vehicle 

 

แบ่งขั้วแบบสมดุลที่สุดคือ ธีม Semiconductor ความเสี่ยงไม่สูงอย่างที่คิด

 

ธุรกิจ Semiconductor แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องกันทางภูมิศาสตร์ต่ำ แม้จะมีการพัฒนากระจุกตัว แต่บทวิเคราะห์ของ The Morgan Stanley AlphaWise พบว่า 35-65% ของชิ้นส่วนการผลิต มักอยู่ในประเทศที่ขายสินค้าอยู่แล้ว

 

เปรียบเทียบกับการพัฒนาจากฮาร์ดแวร์ไปซอฟต์แวร์ ช่วงปี 1940-1990 มาถึงโซเชียลช่วงปี 2000 มาจบที่ Cognitive Technology ในปัจจุบัน มองข้ามไปถึงปี 2030 ความเสี่ยงดูจะเป็นเรื่อง Global Standards มากกว่าการแข่งกันพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง

 

Multipolar World สำหรับ Semiconductor จึงดูน่ากลัวในหน้าสื่อ แต่นักลงทุนแค่ต้องหลีกเลี่ยงบริษัทที่มีความเสี่ยงด้านการพัฒนาตามมาตรฐานโลก

 

ธีมที่ 2 เอียงไปทางสหรัฐฯ มากกว่า คือ Robotics and AI ที่ต้องระวังคือการกระจุกตัวและ Valuation ที่แพง

 

ส่วนของ Deglobalization การที่ทางการสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS and Science Act มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ล่าสุดจะสนับสนุนบริษัทให้กลับมาผลิตในประเทศ การลงทุนจึงมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากกว่าที่อื่น

 

ขณะที่การแบ่งขั้วนานวันจะยิ่งทำให้เห็นถึงความแตกต่างของเป้าหมายเทคโนโลยี เพราะฝั่งสหรัฐฯ จะพัฒนา AI เพื่อการพาณิชย์ สวนทางกับฝั่งจีนที่เน้นพัฒนา AI เพื่อการจัดระเบียบสังคม

 

สำหรับผม จึงไม่ใช่ปัญหาว่าธุรกิจนี้จะเติบโตหรือไม่ แต่อาจจะอยู่ที่บริษัทในบางกลุ่มอาจจะได้รับความสนใจมากเกินไป จนทำให้ระดับราคาแพงผิดปกติ

 

เช่น ETF AIQ ที่ลงทุนในกลุ่ม Artificial Intelligence & Big Data หรือ BOTZ ที่ลงทุนในกลุ่ม Global Robotics & Artificial Intelligence Thematic เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าหุ้นในสองกลุ่มนี้มี Long-Term P/E (LT P/E) เฉลี่ยสูงถึงราว 40-60 เท่า และ 50-70% ของ ETF ก็เป็นบริษัทในสหรัฐฯ ประเทศเดียว

 

ส่วน Electric Vehicle เป็นธีมที่จีนกุมความได้เปรียบ แต่ความได้เปรียบนี้ก็มาพร้อมกับราคาที่แพงเช่นกัน 

 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธุรกิจยานยนต์เป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องมี Economy of Scale ประเทศที่มีกำลังซื้อรออยู่มากมักได้เปรียบในเชิง Decoupling จีนจึงมีโอกาสที่จะสร้างมาตรฐานก่อน

 

นอกจากนี้ในฝั่งการผลิตแบตเตอรี่ สินแร่ตั้งต้นหลักก็อยู่ในจีน หรือการถลุงแร่ในจีนก็มีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมที่ต่ำกว่าประเทศตะวันตก บริษัทจีนจึงมีโอกาสทำกำไรได้เร็วกว่าในระยะสั้น

 

อย่างไรก็ดี มองด้าน Valuation ของการลงทุน EV จีนจะแพงกว่าสหรัฐฯ มากอย่างมีนัย เช่น Global X China Electric Vehicle and Battery ETF ที่หุ้นในกองทุนมี LT P/E สูงถึง 53 เท่า ต่างจาก DRIV หรือ Autonomous & Electric Vehicles ETF ที่มีการคัดเลือกแบบเดียวกัน แต่เป็นหุ้นทั่วโลกที่จะมี LT P/E เหลือเพียง 18 เท่า เพราะมีความบริสุทธิ์ของธีมต่ำกว่า

 

มองในมุมการลงทุน แม้ EV จะหนักไปทางจีนมากกว่าสหรัฐฯ แต่ความเสี่ยงจะคล้ายกันคือ เรื่องระดับราคาที่นักลงทุนต้องหาจุดเหมาะสมมากกว่าไล่ซื้อตามกระแส 

 

ในมุมมองของผม ทั้ง 3 ธีมลงทุนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงสอนเราว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก Multipolar World อาจไม่ได้เป็นสีขาวหรือดำเสมอ ขณะที่โอกาสของการลงทุนก็ไม่ได้อยู่แค่ว่าธุรกิจของประเทศไหนสามารถไขว่คว้าอนาคตได้มากที่สุด

 

แต่ระดับราคาจะมีความผันผวนสุดโต่งมากขึ้น ดังนั้น Thematic Investor จึงควรถามหา Valuation ทุกครั้ง ก่อนลงทุนในโลกหลายขั้วที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้นะครับ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising