×

Mulan เงาบนผืนน้ำสะท้อนตัวตน คุณค่าของทุกคนสะท้อนผ่านจิตใจ

07.09.2020
  • LOADING...

“ดวงใจไม่อาจซ่อนงำ ทนฝืนทำ ใครช้ำเท่า จะมีไหมวันใดเห็นเงา เป็นเช่นเราที่แท้ จะมีไหมวันใดเห็นเงา เป็นเช่นเราข้างใน…”

 

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เราก็ยังจำความประทับใจแรกที่ได้รับชมบทเพลง Reflection ฉบับภาษาไทยที่ขับร้องโดย โฟร์ท-นฤมล จิวังกูร ในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Mulan (1998) ผ่านม้วนวิดีโอในวัยเด็กได้เป็นอย่างดี 

 

รวมถึงเรื่องราวการเดินทางสู่สนามรบของมู่หลาน ที่พากย์เสียงภาษาไทยโดย ไดอาน่า จงจินตนาการ ก็ยังเป็นเรื่องราวที่กลับมานั่งดูกี่ครั้งก็ยังสนุกสนานไม่เคยเปลี่ยน 

 

ทำให้เราค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้ชมภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันอย่าง Mulan ในฉบับภาษาไทย ที่ได้นักแสดงเจ้าบทบาท ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ (สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก, Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน) มาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของมู่หลานเป็นพิเศษ 

 

 

เรื่องราวในเวอร์ชันนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ บอริ คาน (เจสัน สก็อตต์ ลี) แม่ทัพผู้โหดเหี้ยมกำลังยกทัพเข้ารุกรานแผ่นดินจีนและสังหารผู้คนอย่างเลือดเย็น โดยมี เซียนหลาง (กงลี่) แม่มดลึกลับคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ทำให้องค์จักรพรรดิ (เจ็ต ลี) สั่งการให้ทุกครอบครัวต้องส่งบุรุษเข้ากองทัพหลวงเพื่อรวบรวมกำลังพลเข้าต่อสู้กับบอริ คาน 

 

ด้วยเหตุนี้ มู่หลาน (หลิวอี้เฟย) หญิงสาวผู้มีวิชาลมปราณอันแกร่งกล้าจึงตัดสินใจแอบปลอมเป็นบุรุษเพื่อเข้ากองทัพหลวงแทนพ่อที่แก่ชรา กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่สนามรบที่มู่หลานจะต้องหยุดยั้งการรุกรานของบอริ คาน และเซียนหลาง ไปพร้อมกับการปกปิดความจริงที่ว่าเธอเป็นสตรีต่อเหล่าทหารที่รายล้อมตัวเธอในเวลาเดียวกัน

 

 

Mulan ฉบับไลฟ์แอ็กชันมีความแตกต่างไปจากฉบับภาพยนตร์แอนิเมชันมากพอสมควร ทั้งการเปลี่ยนจากภาพยนตร์มิวสิคัลเป็นภาพยนตร์แนวแอ็กชันแฟนตาซีเข้มข้น, เปลี่ยนตัวละคร มูซู มังกรจิ๋วที่เคยเป็นตัวสร้างสีสันให้กับผู้ชมมาเป็นนกฟีนิกซ์ เพื่อเคารพต่อความเชื่อของชาวจีนที่ยกย่องมังกรเป็นเทพเจ้าที่สูงส่ง, เพิ่มตัวละครน้องสาวของมู่หลานเข้ามาตามเนื้อหาในหนังสือต้นฉบับอย่าง The Ballad of Mulan, การเพิ่มตัวละครใหม่อย่างเซียนหลาง แม่มดที่เข้ามาเสริมความแฟนตาซีให้กับเนื้อเรื่อง ฯลฯ

 

เราคิดว่าการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบครั้งใหญ่ของผู้กำกับหญิงอย่าง นิกิ คาโร (The Zookeeper’s Wife, North Country) และทีมเขียนบทดูจะเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมพอสมควร เพราะทิศทางของ Mulan ที่ผู้กำกับกำลังนำเสนอเป็นเรื่องราวที่มีความจริงจังมากขึ้น เสริมด้วยฉากแอ็กชันที่เข้มข้นมากกว่าต้นฉบับ หากต้องเพิ่มฉากมิวสิคัลลงไปตามต้นฉบับมันก็อาจจะทำลายมู้ดทั้งหมดของเรื่องที่ถูกเซตไว้ลงได้ 

 

และความจริงจังที่เพิ่มขึ้นของเนื้อเรื่องยังช่วยขยายมิติของตัวละครอย่างมู่หลานให้เราได้เข้าใจความรู้สึกของเธอมากขึ้น ทั้งความอึดอัดที่ต้องปกปิดตัวตนที่เธอเป็นเพื่อเดินตามครรลองที่สังคมขีดเขียนไว้ รวมถึงฉากแอ็กชันที่ทำให้เราได้เห็นทักษะการต่อสู้อันยอดเยี่ยมและสมจริงของมู่หลานมากยิ่งขึ้น 

 

ซึ่งหลิวอี้เฟยผู้มารับบทเป็นมู่หลานก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของมู่หลานออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ รวมถึงฉากแอ็กชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากควบม้า ฉากร่ายรำกระบี่ ฉากยิงธนู และฉากต่อสู้ที่เธอแสดงเองเกือบทั้งหมดล้วนเป็นฉากที่ถูกออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยม 

 

 

ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบอยู่หลายจุด แต่นิกิก็ยังคงดำเนินเส้นเรื่องหลักตามต้นฉบับเช่นเดิม รวมถึงการเลือกใช้เพลง Reflection มาเป็นดนตรีประกอบแทนฉากมิวสิคัลที่ถูกตัดออกไปก็ถือเป็นส่วนเติมเต็มที่ทำให้เราหายคิดถึงได้พอสมควร เรียกได้มองเห็นความพยายามผลิตผลงานชิ้นนี้ออกมาด้วยความเคารพต้นฉบับอยู่ไม่น้อยทีเดียว

 

แต่ในขณะเดียวกัน Mulan ยังมีข้อเสียแบบเดียวกับฉบับแอนิเมชันอยู่ตรงที่การผูกความสัมพันธ์ระหว่างมู่หลานและตัวละครรองภายในเรื่องที่ค่อนข้างเบาบางจนไม่สามารถทำให้เรารู้สึกผูกพันไปกับพวกเขาเท่าไรนัก เช่น ฮงฮุย (โยซอน อัน) ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อมาประกบคู่กับมู่หลาน แต่เนื้อเรื่องไม่สามารถพาให้เราอินไปกับความสัมพันธ์ของเขาและเธอได้เท่าที่ควรจะเป็น 

 

และอย่างที่กล่าวไปในตอนต้น สิ่งที่เราเฝ้ารอเป็นการส่วนตัวคือพาร์ตพากย์เสียงภาษาไทยที่ยังคงรักษาคุณภาพตามมาตรฐานของค่ายดิสนีย์เอาไว้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ที่แม้ว่าการปรับเปลี่ยนโทนเสียงสูงต่ำของเธอเพื่อถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของมู่หลานที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายจะทำให้เรารู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างในบางช่วง แต่นับว่าเป็นส่วนน้อย และไม่ทำให้อรรถรสของภาพยนตร์ลดลงเลยแม้แต่น้อย 

 

นอกจากนี้ใบเฟิร์นยังโชว์ทักษะทางการแสดงเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของมู่หลานผ่านน้ำเสียงของเธอออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ เรียกได้ว่าสำหรับผลงานพากย์เสียงภาษาไทยในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ครั้งแรก เธอก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว

 

 

อีกหนึ่งสิ่งที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษเมื่อ Mulan ถูกนำเสนอด้วยเนื้อหาที่จริงจังมากขึ้น มันยังช่วยเสริมให้ประเด็นสำคัญของเรื่องถูกขับเน้นให้เด่นชัดยิ่งขึ้น นั่นคือการกล่าวถึงการยอมรับในคุณค่าของทุกคน

 

ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนผ่านตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างเซียนหลาง ซึ่งรับบทโดยกงลี่ แม่มดที่ถึงแม้ว่าเธอจะมีความสามารถเก่งกาจขนาดไหน แต่ในท้ายที่สุด บอริ คาน และพรรคพวกก็ยังคงปฏิบัติต่อเธออย่างดูถูกดูแคลน และคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่กว่าเพียงเพราะเธอเป็น ‘ผู้หญิง’ เท่านั้น

 

เช่นเดียวกับมู่หลาน เด็กสาวที่ชอบวิ่งเล่นและฝึกฝนวิชาลมปราณ แต่สังคมกลับมองเธอด้วยสายตาอคติเพียงเพราะเธอไม่ได้เป็น ‘ผู้หญิง’ ในแบบที่สังคมกำหนดให้เป็น ซึ่งทำให้พ่อแม่ต้องบังคับให้เธอปกปิดความสามารถของตัวเองไว้ และสั่งสอนการเป็นสตรีที่ถูกต้องก่อนที่จะส่งเธอออกเรือนเพื่อสร้าง ‘เกียรติยศ’ และ ‘ความภูมิใจ’ ให้กับครอบครัว  

 

แม้ว่ามุมมองที่ Mulan ทั้งในฉบับแอนิเมชันปี 1988 และฉบับไลฟ์แอ็กชันปี 2020 กำลังนำเสนอจะเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวจีนที่เคยยึดมั่นก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นประเด็นที่หยิบมาเล่ากี่ครั้งก็ไม่เคยเก่า 

 

และเราเชื่อว่า Mulan ถือเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขับเน้นให้ผู้ชมตระหนักถึงการยอมรับในความแตกต่างและให้เกียรติคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  

 

ไม่ใช่แค่เฉพาะเพศหญิงเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน เชื้อชาติใด หรือผิวสีอะไร เราทุกคนล้วนมีคุณค่าในแบบของตัวเองเสมอ 

 

สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ Mulan ได้ที่

 

 

ภาพประกอบ:

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising