วันนี้ (3 เม.ย.) นายประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เข้าหารือกับ กกต. ตามคำเชิญ กรณีวิธีการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ โดยภายหลังการหารือ นายประพันธ์กล่าวว่าขั้นตอนการหารือไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ได้แนะนำ กกต. ถึงขั้นตอนและวิธีการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในชั้นกรรมาธิการของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. อยู่แล้ว โดยยืนยันว่าวิธีการคิดคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อมีอยู่เพียงแค่สูตรเดียวเท่านั้น และ กกต. เองก็มีสูตรนี้อยู่แล้วเช่นกัน จึงเป็นอำนาจของ กกต. ที่จะคำนวณออกมา
นายประพันธ์กล่าวด้วยว่าในหลักคิดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้มุ่งคิดให้ทุกคะแนนของประชาชนมีความหมาย ไม่ถูกทิ้งเสียเปล่า พร้อมยืนยันว่าตารางสูตรคิดคำนวณไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง โดยวิธีและตารางการคิดมีการเสนอมาตั้งแต่ในชั้นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดก่อน ส่งต่อมายังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและกรรมาธิการพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ดังนั้นตารางการคิดคำนวณ ส.ส. มีอยู่ที่รัฐสภา ไม่ได้เป็นความลับ
“ในการพิจารณา มีการพิจารณาหมดว่ากรณีไม่มี overhang ทำอย่างไร หรือกรณีมี overhang คำนวณอย่างไร รวมถึงพิจารณาไปถึงว่าถ้าประกาศให้มี ส.ส. เกิน 95% เพื่อให้เปิดสภาฯ ได้ การคิดคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อจะคิดอย่างไร ซึ่งเขียนไว้ในมาตรา 128 และ 129 ทั้งหมด (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.)”
นักข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่ากรณีวิธีการคำนวณที่เผยแพร่ออกมาว่ามีพรรคการเมืองเล็กซึ่งได้ต่ำกว่า 70,000 ไปจนถึง 30,000 คะแนน แต่ได้ ส.ส. 1 คนนั้นถูกต้องตามสูตรของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายประพันธ์ยืนยันว่าสูตรการคำนวณมีอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่ กกต. จะคิดจำนวน ส.ส. ออกมา
“สูตรมีอันเดียว แต่ในที่สุด กกต. จะเป็นผู้บอกว่าใครเป็นผู้ได้ ส.ส. เท่าไร” นายประพันธ์กล่าว
THE STANDARD ค้นข้อมูลไปที่เว็บไซต์รัฐสภาในส่วนของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ พบตัวอย่างวิธีคำนวณ ส.ส. (29 ต.ค. 2561) ว่าหากเป็นการคำนวณแบบปัดเศษตามสูตรที่มีอยู่จะส่งผลให้เมื่อคำนวณตามคะแนนการเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมา พรรคการเมืองเล็กที่ได้ ส.ส. ไม่ถึงคะแนนพึงมีจะได้ที่นั่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่งทันที ตามคะแนนตั้งแต่ 70,000 คะแนนลงมา แต่ไม่ต่ำกว่า 30,000 คะแนน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
