×

เลือกตั้ง 2566 : เปิดปราศรัยที่อุดรฯ ปิยบุตรย้ำจุดเด่นก้าวไกลตรงไปตรงมา ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ใครไม่กล้าทำ ก้าวไกลพร้อมทำเอง

โดย THE STANDARD TEAM
18.04.2023
  • LOADING...
พรรคก้าวไกล

วานนี้ (17 เมษายน) พรรคก้าวไกลเปิดเวทีปราศรัยที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จังหวัดอุดรธานี พร้อมแกนนำพรรคครบครัน ทั้ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล, อภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ, อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ‘ครูใหญ่’ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ นายิกา ศรีเนียน หรือ ‘แคนแคน’ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมผู้สมัคร ส.ส. อุดรธานีทั้ง 10 เขตของจังหวัดอุดรธานี โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนให้ความสนใจร่วมฟังการปราศรัยอย่างหนาแน่นจนเกินจำนวนเก้าอี้ที่เตรียมไว้กว่า 2,000 ตัว

 

ปิยบุตรกล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายครบวงจรทุกเรื่องกว่า 300 นโยบาย ตัวแทนพรรคก้าวไกลตอบคำถามในเวทีดีเบตต่างๆ ได้อย่างแหลมคม ชัดเจน เพราะเรามีนโยบายที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ที่สอดคล้องกับสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกลที่เป็นสามเหลี่ยมคว่ำ สืบทอดมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งคิดจากพื้นฐานที่ว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา โครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรม ดูดเอาอำนาจและทรัพยากรของประเทศไปอยู่บนยอดพีระมิดเกือบทั้งหมด เราจึงตั้งใจอาสาตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าไปพลิกสามเหลี่ยมให้คว่ำลง เอาคนส่วนใหญ่ของประเทศขึ้นไปข้างบน การออกแบบนโยบายจึงเป็นไปเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้

 

ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรัฐสวัสดิการ ที่ดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย มีการศึกษา ได้ทำงานในพื้นที่ตัวเอง มีน้ำประปาสะอาดทั่วประเทศ มีรถเมล์ไฟฟ้าขนส่งสาธารณะทุกจังหวัด มีนโยบายปฏิรูปที่ดิน ทลายทุนผูกขาด ยกเลิกการเกณฑ์ทหารบังคับ ฯลฯ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นนโยบายเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศทั้งสิ้น

 

ปิยบุตรกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลายพรรคต่างมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดีจำนวนมาก แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลแตกต่างจากทุกพรรคการเมืองอย่างชัดเจนคือเรื่องการเมือง นำมาสู่คำขวัญ ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ เป็นการเดินพร้อมกันสองขา เพราะหากปราศจากนโยบายการเมืองที่ดี แต่ละพรรคเมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วก็จะเจอทหารยึดอำนาจ เจออำนาจพิเศษเข้าแทรกแซง พรรคก้าวไกลจึงเล็งเห็นว่าต้องมีนโยบายการเมืองดี เป็นการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ ที่จะทำให้นโยบายเศรษฐกิจส่งมอบให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อทุนผูกขาดและกองทัพ

 

ปัญหาของประเทศไทยวันนี้คือความไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตัวชี้วัดคือจำนวนรัฐประหาร นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มีการรัฐประหารไปแล้ว 13 ครั้ง ส่งผลต่อชีวิตประชาชนอย่างมหาศาล ทุกครั้งที่ประเทศกำลังมีการเมืองที่ดี รัฐบาลกำลังทำนโยบายเศรษฐกิจที่ดี กำลังทำงานได้ดีก็ถูกยึดอำนาจ เลือกตั้งใหม่ได้ไม่นานก็ถูกยึดอำนาจอีก

 

พรรคก้าวไกลจึงเสนอตัดวงจรรัฐประหารไม่ให้วนเวียนซ้ำซากแบบนี้อีก ด้วยการปฏิรูปกองทัพ เอาทหารกลับเข้ากรมกอง ให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ไม่ให้บิ๊กต่างๆ ออกมาพูดการเมือง ใครอยากเป็นนักการเมืองก็ลาออกจากทหารมาสมัคร ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ทำให้การนิรโทษกรรมของคณะรัฐประหารเป็นโมฆะ นำไปสู่การลงโทษไม่ให้นายทหารรุ่นน้องเอาแบบอย่างรุ่นพี่อีก รวมทั้งยกเลิกการเกณฑ์ทหารด้วย

 

ปิยบุตรกล่าวอีกว่า ที่สำคัญพรรคก้าวไกลจะแก้กฎหมายหลายฉบับที่ถูกเอามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งหมดพรรคก้าวไกลจัดทำร่างแก้ไขกฎหมายไว้เสร็จแล้ว เหลือแค่เสนอให้สภาพิจารณาเท่านั้น นอกจากนี้พรรคก้าวไกลจะปกป้องการแสดงออกทางการเมืองและการชุมนุมของประชาชนที่เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน 

 

ที่ผ่านมาทุกครั้งที่เกิดการชุมนุมที่ไปกระทบกล่องดวงใจของรัฐ ประชาชนต้องเผชิญกับการสลายการชุมนุมจนมีคนเจ็บคนตายทุกครั้ง อย่างเช่นในเหตุการณ์ปี 2553 ระบบรัฐของประเทศไทยในปัจจุบันจงใจทำให้การสลายการชุมนุมเป็นเรื่องที่ถูกลืม สะสางกันไม่ได้ ไม่มีการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับผู้สลายการชุมนุม ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบายชัดเจนว่าเป็นรัฐบาลเมื่อไร รัฐบาลพรรคก้าวไกลจะลงนามให้สัตยาบันศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ทันที เรื่องนี้พูดมาเป็นสิบปีแล้ว มีแต่ข้ออ้างว่าทำไม่ได้ ต้องศึกษาก่อน แต่สำหรับพรรคก้าวไกล ใครจะศึกษาก็ศึกษาไป พิธาเป็นนายกฯ เมื่อไรลงนาม ICC ทันที และพรรคก้าวไกลยังมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 โดยประกาศอย่างชัดเจนว่าภายใน 100 วันหลังได้เป็นรัฐบาล จะให้มีการลงประชามติถามประชาชนว่าอยากให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่

 

ปิยบุตรกล่าวต่อไปว่า ภารกิจเหล่านี้เป็นภารกิจที่ยาก และจะทำสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีพรรคการเมืองของมวลชนที่มีเจตจำนงชัดเจน พร้อมทำในทันทีโดยไม่ต้องรีรอ และมีจำนวน ส.ส. มากพอ เป็นพรรคที่ยืนอยู่ได้ด้วยการสนับสนุนทรัพยากรจากประชาชน ไม่ใช่กลุ่มทุนผูกขาด เราทราบดีว่าการเมืองที่ผ่านมาทำกันอย่างไร แต่เราจงใจไม่ทำแบบเดิม ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกลจึงมีผู้แทนราษฎรที่กล้าอภิปรายในสภาอย่างกล้าหาญ ตรงไปตรงมา ไม่ลูบหน้าปะจมูก ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู มี ส.ส. ที่มีจุดยืนและอุดมการณ์ ด้วยเหตุนี้การคัดสรรผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลจึงไม่มีการชักชวน ส.ส. เก่าจากมุ้งนั้นมุ้งนี้มาเป็นผู้สมัคร ประเภทที่กระโดดย้ายพรรคไปมาตามแต่ว่าใครมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล เปลี่ยนย้ายข้างตามดินฟ้าอากาศ แบบนี้ไม่มีในพรรคก้าวไกลเด็ดขาด

 

นอกจากนี้ ส.ส. เขตของพรรคก้าวไกล จะต้องมีคุณสมบัติ 2 ข้อ คือ

  1. ต้องดูแลประชาชน เข้าถึงได้ ขยัน ติดดิน ไม่ใช่ปล่อยให้หัวคะแนนทำงานแทน
  2. ต้องสามารถอภิปรายในสภา เป็นปากเสียงให้ประชาชนได้ ไม่ใช่ ส.ส. ที่ไม่เคยพูดในสภาเลย

 

ปิยบุตรกล่าวต่อไปว่า ที่อุดรธานีตนทราบดีว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ผ่านมาเลือกพรรคอะไร ก็เพราะที่ผ่านมาพรรคที่อยู่ตรงข้ามกับการรัฐประหารมีเพียงหนึ่งพรรค เราจึงแสดงออกอย่างสมัครสมานเป็นหนึ่งเดียวในปี 2554 แต่ปัจจุบันสภาพการเมืองเปลี่ยนไปมากแล้ว ความคิดความอ่านของประชาชนก็เปลี่ยนไปมากแล้ว ในปี 2562 ธนาธรและพวกตนจึงสร้างพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เมื่อถูกยุบก็สืบสานมาต่อเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ เพื่อแก้โจทย์และปัญหาที่ไม่เคยมีใครกล้าแตะมาก่อน พรรคก้าวไกลวันนี้มาขออาสาประชาชน ว่าภารกิจเหล่านี้หลายพรรคอาจไม่ทำ จะทำหรือไม่ทำไม่รู้ ไม่ชัดเจน แต่พรรคก้าวไกลอาสาทำให้เอง

 

“ผมจึงขอโอกาสพี่น้องสักครั้ง เปิดใจเปิดทางให้โอกาสมากาให้พรรคก้าวไกลสักครั้ง ลองเปลี่ยนสักครั้ง แล้วพรรคก้าวไกลสัญญาว่าจะทำให้ดู การปฏิรูปกองทัพที่ไม่สำเร็จหรือไม่เคยมีใครทำมาก่อน รัฐสวัสดิการที่มั่นคงยั่งยืน การกระจายอำนาจ น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ รถเมล์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 เรื่องยากๆ เหล่านี้พรรคก้าวไกลจะอาสาเข้าไปทำให้ดูเอง เรื่องที่ยากแบบนี้จำเป็นต้องมีประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ช่วยผลักดันให้เราทำสำเร็จ เลือกก้าวไกลสักครั้งแล้วประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” ปิยบุตรกล่าว

 

สำหรับผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั้ง 10 เขตของจังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วย

  • เขต 1 ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ (เมืองอุดรธานี)
  • เขต 2 ภูษณิศา มหาวรากร (เมืองอุดรธานี)
  • เขต 3 นิธิศ รอดชมภู (เมืองอุดรธานี, สร้างคอม, เพ็ญ)
  • เขต 4 ภรัชฎา ศรีไชยมูล (บ้านดุง, ทุ่งฝน)
  • เขต 5 ศรีสวัสดิ์ ดวงพรม (พิบูลย์รักษ์, กู่แก้ว, หนองหาน)
  • เขต 6 อานันท์ อมรินทร์ (ศรีธาตุ, วังสามหมอ, ไชยวาน, กู่แก้ว)
  • เขต 7 สุริยา วงศ์อารีย์ (เมืองอุดรธานี, กุมภวาปี, ประจักษ์ศิลปาคม)
  • เขต 8 นิคม ระชินลา (เมืองอุดรธานี, หนองวัวซอ, โนนสะอาด, หนองแสง)
  • เขต 9 โชคสมาน สีลาวงษ์ (เมืองอุดรธานี, บ้านผือ, กุดจับ)
  • เขต 10 ศราวุธ หอมพรมมา (น้ำโสม, บ้านผือ, นาโยง)
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising