วันนี้ (30 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคฯ และ รังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคฯ แถลงข่าวถึงประเด็นสำคัญที่พรรคก้าวไกลเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญในการตรวจสอบการใช้งบประมาณในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19
ชัยธวัชกล่าวว่า จากกรณีที่พรรคก้าวไกลได้เสนอให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหาภายใต้วิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งเเต่วันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพรรคแรกที่เสนอเรื่องนี้ จากนั้นได้นำเข้าเสนอที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเสนอให้ตรวจสอบใน 2 ส่วน คือ การใช้งบประมาณและมาตรการในการเเก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19
ในส่วนเเรกคือ พรรคก้าวไกลเสนอให้กรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ตรวจสอบนอกเหนืองบจากการกู้ผ่านพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินฯ 1 ล้านล้านบาท โดยข้อเสนอของพรรคก้าวไกลเสนอให้ตรวจสอบการใช้งบจากการโอนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณฯ และขอให้ตรวจสอบมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาลที่เเก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด
โดยที่ทางพรรคก้าวไกลเห็นว่า มีความจำเป็นที่ต้องให้กรรมาธิการวิสามัญชุดนี้เข้าไปตรวจสอบในฐานะผู้แทนราษฎร เเละเมื่อวานนี้เป็นสัญญาณที่ดีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรครัฐบาลบางพรรคอย่างพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับการเสนอให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบ
พรรคก้าวไกลย้ำว่า การตั้งกรรมาธิการเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารไม่สามารถเกี่ยวข้องได้ เเต่ในความเป็นจริง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร สามารถส่งสัญญาณท่าทีของรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฎรและฝ่ายนิติบัญญัติได้
ด้านพิจารณ์กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการตรวจสอบงบประมาณคือ การตรวจสอบการทำงานว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท หรือการโอนงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท โดยหากรัฐบาลยังคงใช้การบริหารงบประมาณในแบบที่เป็นอยู่ มีการตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ตัวชี้วัดไม่ชัดเจน เชื่อว่าเงินงบประมาณที่กู้มาเหล่านั้นอาจจะเป็นเบี้ยหัวเเตก ไม่ตอบโจทย์ และจะสามารถสร้างงานได้ และไม่สามารถกระตุ้น GDP ได้
โดยพรรคก้าวไกลเสนอให้มีการสร้างแพลตฟอร์มเพื่ออัปเดตข้อมูลเข้ามาในการตรวจสอบอย่างทันท่วงที และพรรคก้าวไกลเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเเละพรรคร่วมรัฐบาลยื่นญัตติด่วนด้วยกัน เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ เล็งเห็นความสำคัญในการตั้งกรรมาธิการฯ เพื่อตรวจการใช้งบประมาณเเละมาตรการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ขณะที่รังสิมันต์กล่าวว่า เราไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลให้บริหารประเทศ โดยเฉพาะองค์กรต่างๆ ในการตรวจสอบคอร์รัปชัน ไม่สามารถสร้างความยุติธรรม ความกระจ่างให้กับสังคมได้อีกต่อไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องทำหน้าที่ จากกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ ปฏิเสธให้ความเชื่อมั่นในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญนั้น เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาล โดยอ้างว่ามีกลไกต่างๆ ตรวจสอบอยู่เเล้ว เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ หากมีการตั้งกรรมาธิการฯ เพื่อไปตรวจสอบครั้งนี้
ซึ่งพรรคก้าวไกลมองว่า ไม่ได้เป็นการเพิ่มความยุ่งยาก แต่ในฐานะพรรคฝ่ายค้านต้องการตรวจสอบถ่วงดุลว่ามีการคอร์รัปชันหรือไม่ จากการแถลงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบการหักหัวคิวโรงเเรมสำหรับให้ผู้ติดโควิด-19 ที่ใช้กักตัว ที่ออกมาเเถลงว่า เบื้องต้นไม่พบเจ้าหน้าที่ท่านใดเกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่ามีบุคคลระดับสูงเกี่ยวข้อง
อีกทั้งกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกหนังสือตอบกลับเรื่องการครอบครองนาฬิกาของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเห็นว่า การยืมนาฬิกาของ พล.อ. ประวิตร เป็นการ ‘ยืมใช้คงรูป’ และการยืมใช้คงรูปแม้เป็นหนี้ แต่ไม่ใช่หนี้สินตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดให้ต้องแสดงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ถือว่าไม่มีความผิดนั้น เป็นกลไกในการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตชัดเจน
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลยืนยันว่า ไม่อาจจะยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว ที่สร้างบรรทัดฐานการทุจริต หรือแม้กระทั่งศาลบางประเภทที่ไม่สามารถตรวจสอบผู้มีอำนาจได้ พรรคก้าวไกลจึงขอทำหน้าที่ตรวจสอบบุคคลที่ทำหน้าที่ปกครองประเทศ จะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่ เนื่องจากเม็ดเงินมีมูลค่าสูง และทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะผู้แทนของประชาชน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ได้ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum
