×

มูรินโญ และ ป็อกบา แตกหักกันเรื่องอะไร ทำไมจึงหวนกลับไม่ได้อีกต่อไป

27.09.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ควันไฟในโรงละครแห่งความฝัน มาพร้อมกับคำถามสำคัญว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่าง มูรินโญ และ ป็อกบา อะไรที่ทำให้ทั้งคู่เกิดรอยร้าวในแววตาได้อย่างรุนแรงถึงเพียงนี้
  • มูรินโญ เขาเป็นผู้จัดการทีมที่เชื่อในเรื่องของความมุ่งมั่น ทุ่มเทให้กับการเล่นฟุตบอลอย่างเต็มร้อย และนั่นเป็นสิ่งที่เขาเรียกร้องจากลูกทีมของเขาทุกคนอย่างไม่ปิดบัง แต่เขาไม่เคยได้รับมันจากพอล ป็อกบา
  • ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจหวนกลับ หลังจบเกมที่ยูไนเต็ดทำได้เพียงเสมอกับวูล์ฟส์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • ในฝั่งตรงข้ามของสนามซ้อมแคร์ริงตัน ที่ทำการของอคาเดมี หรือศูนย์ฝึกฟุตบอลเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บนฝาผนังในห้องหนึ่งจะมีแผ่นลามิเนตที่มีข้อความเขียนไว้ทั้งหมด 14 ข้อ ในข้อที่ 2 เขียนเอาไว้ว่า ‘ทุ่มเท 100% เสมอ’

คลิปวิดีโอสั้นๆ จากสนามซ้อมแคร์ริงตันของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นคลิปที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลก (มากกว่าแค่โลกฟุตบอล) ทันทีที่มีการเผยแพร่ โดยภายในชั่วโมงเดียวมีคนเข้ามาดูคลิปดังกล่าวถึง 2 ล้านครั้ง

 

เพียงแต่ภาพที่ปรากฏไม่ใช่ภาพที่น่ารัก หากแต่เป็นภาพที่น่ากังวลใจแทนเหล่าเรด อาร์มี ทั่วโลกกับสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดและทวีความรุนแรงมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่าง โฆเซ มูรินโญ และ พอล ป็อกบา ในขณะที่ผลงานของทีมเริ่มกลับมาสะดุดอีกครั้งหลังทำท่าเหมือนจะดีได้แค่ไม่กี่นัด

 

ควันไฟในโรงละครแห่งความฝัน มาพร้อมกับคำถามสำคัญว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสอง และอะไรที่ทำให้ทั้งคู่เกิดรอยร้าวในแววตาได้อย่างรุนแรงถึงเพียงนี้

 

ต่อคำถามดังกล่าว และจากคำบอกเล่าของเหล่าคนที่รับรู้เรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้โดยตรงหรือได้ยินได้ฟังมา ดูเหมือนว่าเหตุผลบนความเดือดดาลของ The Special One ที่มีต่อซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวฝรั่งเศสจะเกิดขึ้นจากเรื่องเดียว

 

คือการที่ป็อกบาไม่ได้ทำตัวให้สมกับการเป็นนักเตะที่มีตราสโมสรของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่บนหน้าอกเสื้อ

 

ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น

 

 

สำหรับ มูรินโญ เขาเป็นผู้จัดการทีมที่เชื่อในเรื่องของความมุ่งมั่น ทุ่มเทให้กับการเล่นฟุตบอลอย่างเต็มร้อย และนั่นเป็นสิ่งที่เขาเรียกร้องจากลูกทีมของเขาทุกคนอย่างไม่ปิดบัง

 

เขาเคยได้รับสิ่งเหล่านี้จาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา, จอห์น เทอร์รี และ แฟรงค์ แลมพาร์ด รวมถึงนักเตะอีกหลายคนที่เชลซี,​ อินเตอร์ มิลาน และ เรอัล มาดริด

 

แต่เขาไม่เคยได้รับมันจาก พอล ป็อกบา เลยนับตั้งแต่วันแรกที่ #Pogback กลับสู่โอลด์แทรฟฟอร์ด อีกครั้งด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก

 

ความจริงแล้ว มูรินโญ ไม่ชอบใจตั้งแต่คลิปการเปิดตัวที่กลายเป็น ‘ไวรัล’ ในโลกอินเทอร์เน็ตด้วยมิวสิกวิดีโอขนาดสั้นที่มีสตอร์มซีย์ (Stormzy) เพื่อนนักร้องแรปเปอร์คนดังของป็อกบา มาช่วยสร้างความคึกคัก เพราะเขามองว่ามันเป็นการที่ป็อกบา เห็นความสำคัญของตัวเองเหนือสโมสร

 

 

ไม่นับการที่เขามีเอเจนต์อย่าง มิโน ไรโอลา เป็นผู้ปกครองดูแลชีวิตลูกหนัง และทำให้เกิดปัญหาเมื่อเสียงของเอเจนต์ลูกหนังชาวอิตาลีกล่อมให้ป็อกบา คิดว่าเขาควรจะได้รับการดูแลและยอมรับที่ดีกว่านี้จากผู้จัดการทีม

 

เรื่องนี้เราเห็นชัดในช่วงตลาดการซื้อขายรอบฤดูร้อนที่ผ่านมา เมื่อไรโอลาออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน เมื่อมูรินโญเปิดฉากวิพากษ์ป็อกบาออกสื่อหลังจบฟุตบอลโลก

 

และความจริงแล้วสัญญาณอันตรายแรกที่เราได้เห็นก็เริ่มจากช่วงนั้นเอง ที่มูรินโญพูดถึงป็อกบาในเชิงเหน็บแนมเกี่ยวกับการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกว่า เหตุผลที่ทำให้ป็อกบาทำผลงานได้ดีในช่วงฟุตบอลโลก คือการที่เขาต้องอยู่ในแคมป์และมีสมาธิในการเล่นฟุตบอลอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำได้กับสโมสร

 

 

“ฟุตบอลโลกคือที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักฟุตบอลอย่างเขาที่จะทุ่มเทที่สุด เพราะเขาจะถูกปิดทุกอย่างตลอดทั้งเดือน สิ่งเดียวที่เขาจะได้คิดคือการเล่นฟุตบอลเท่านั้น” มูรินโญ กล่าวในช่วงดังกล่าว

 

สิ่งที่เขาต้องการสื่อคือตลอดมาป็อกบาสนใจกับเรื่องราวอื่นมากเกินไป โดยเฉพาะการเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงในโลกโซเชียลมีเดียกับการทำโน่นทำนี่ โพสต์รูป โพสต์วิดีโอให้แฟนๆ ได้ติดตามกัน

 

มันมากเกินกว่าที่มูรินโญจะรับได้

 

แต่ในทางตรงกันข้าม คำพูดของเจ้านายก็เกินกว่าที่ลูกน้องอย่างป็อกบาจะรับไหวเช่นกัน

 

ระหว่างนั้นจึงมีข่าวว่าป็อกบาร้องขอให้ ไรโอลาพยายามหาทางช่วยให้เขาได้ย้ายออกจากทีม โดยมีบาร์เซโลนาเป็นเป้าหมาย เพียงแต่สุดท้ายการย้ายทีมไม่เกิดขึ้น ทั้งสองจึงต้องทำงานร่วมกันต่อไปอย่าง ‘มืออาชีพ’

 

เพื่อให้ทุกอย่างเดินต่อไปได้ มูรินโญตัดสินใจเดิมพันด้วยการมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ป็อกบาสวมตั้งแต่เกมนัดแรกของฤดูกาลใหม่ ทั้งที่เขาเพิ่งจะกลับมาลงฝึกซ้อมได้เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น

 

ในช่วงแรกเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่ไม่นานนักทุกอย่างก็กลับมาเข้าสู่วงจรเดิม ป็อกบาไม่สามารถรักษามาตรฐานของการเล่นเอาไว้ได้

 

และเหนืออื่นใดคือการที่เขาไม่สามารถทำตัวให้สมกับการเป็นกัปตันทีมของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งของโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้

 

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจหวนกลับ หลังจบเกมที่ยูไนเต็ดทำได้เพียงเสมอกับวูล์ฟส์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ป็อกบาเปิดฉากวิจารณ์สไตล์การเล่นของทีมว่าควรจะเล่นฟุตบอลเกมรุกให้มากกว่านี้

 

คำพูดของเขาสำหรับมูรินโญ ถือว่าเป็นการก้าวก่ายการทำงาน เหมือนมาสอนเจ้านายว่าควรจะทำอย่างไร แต่ตัวเองกลับไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองควรทำ

 

เหมือนในจังหวะที่เขาเสียบอลให้ รูเบน เนเวส แต่แทนที่เขาจะวิ่งไล่กวดเพื่อเอาบอลคืน เขากลับค่อยๆ วิ่งจ๊อกกิ้งกลับมาในแดนตัวเอง และสุดท้ายก็นำไปสู่การเสียประตูตีเสมอของทีม

 

ราคาที่ป็อกบาต้องจ่ายต่อคำพูดครั้งนี้ คือการที่เขาโดนริบปลอกแขนกัปตันทีมคืน

 

 

และแทนที่จะหดหู่หรือรู้สึกอะไร ป็อกบากลับโพสต์คลิปในอินสตาแกรมระหว่างเกมลีกคัพ นัดที่ ยูไนเต็ด พบกับ ดาร์บี เคาน์ตี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายระหว่างเขากับมูรินโญ และนำไปสู่คลิปวิดีโอที่ทั้งคู่ถูกจับภาพได้ถึงการปะทะกันของอารมณ์ที่ร้อนแรงและเย็นชาในเวลาเดียวกัน

 

หนึ่งในถ้อยคำที่มีการ ‘ถอด’ ออกมาจากปากของมูรินโญว่าเขาพูดอะไรบ้าง คือการบอกกับป็อกบาว่า “Get Out”

 

“ออกไป”

 

ทั้งหมดคือที่มาของควันไฟในโรงละครแห่งความฝันที่เกิดขึ้นแล้ว และยากที่จะถูกทำให้หายไปครับ

 

มีการคาดกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้ไม่ใครก็ใครต้องไปจากทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งก็เป็นไปได้ทั้งตัวของป็อกบา และตัวของมูรินโญ

 

โดยเฉพาะ The Special One เองที่ภัยรุมล้อม นอกจากเรื่องของป็อกบา (ซึ่งเขาคิดว่าเป็นสิ่งแรก และสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาจำเป็นจะต้องจัดการให้ได้ เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาอยู่ในการควบคุมของตัวเองอีกครั้ง) เขายังมีปัญหาในเรื่องของการทำงานร่วมกับ เอ็ด วูดเวิร์ด ผู้บริหารคนสำคัญ ไม่นับเรื่องของลูกทีมคนอื่นๆ ที่เหมือนจะไม่เชื่อใจในแนวทางของเขานัก และความคาดหวังจากแฟนบอลที่สวนทางกับความเป็นจริง

 

แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่แล้ว และไม่ว่าจะอย่างไร เขาพร้อมจะยอมรับผลของมัน

 

 

ในขณะที่ป็อกบา ด้วยวัย 25 ปี เขายังมีอนาคตอีกไกล หากสุดท้ายการกลับมาโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกครั้งจะล้มเหลว เขายังมีโอกาสจะก้าวต่อไปที่อื่นได้

 

เพียงแต่หากมองในอีกมุม สิ่งที่มูรินโญต้องการเห็นจากเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่มากหรือยากเกินไป

 

มันเป็นสิ่งที่นักกีฬาอาชีพควรจะทำอยู่แล้ว

 

ในฝั่งตรงข้ามของสนามซ้อมแคร์ริงตัน ที่ทำการของอคาเดมี หรือศูนย์ฝึกฟุตบอลเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สถานที่ที่ป็อกบาเคยใช้เวลาในการขัดเกลาตัวเองในช่วงก่อนดอกไม้จะบาน บนฝาผนังในห้องหนึ่งจะมีแผ่นลามิเนตที่มีข้อความเขียนไว้ทั้งหมด 14 ข้อ

 

เราอาจจะเรียกมันว่า ‘กฎเหล็ก’ ก็ได้ แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะเป็นแค่ ‘คำแนะนำ’ จาก แกรี เนวิลล์ อดีตตำนานลูกหนังสายเลือดแท้ของสโมสร และเป็นสายเลือดแมนคูเนียนแท้ๆ ที่ฝากเอาไว้ถึงเด็กรุ่นต่อๆ ไป

 

ในข้อที่ 2 เขียนเอาไว้ว่า ‘ทุ่มเท 100% เสมอ พวกคุณยังไม่ได้ไปถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ในความหมายคือเด็กๆ นั้นยังอยู่แค่ที่อคาเดมี ไม่ใช่ทีมชุดใหญ่) ดังนั้นพวกคุณจำเป็นต้องรักษามาตรฐานการเล่นสูงสุดเอาไว้ให้ได้ตลอดเวลา ตลอดทุกวัน (365)’

 

ในข้อที่ 7 เขียนเอาไว้ว่า ‘ทำตัวให้เป็นมืออาชีพที่สุด แล้วคุณจะไม่มีวันเสียใจ’

 

ส่วนข้อที่ 3 เขียนเอาไว้ว่า ‘จำไว้ให้ดีว่าทำไมถึงเริ่มเล่นฟุตบอล คุณรักมันเพราะมันคือฟุตบอล ไม่ใช่เพราะเงิน ชื่อเสียง ผู้หญิง หรือรถหรูๆ’

 

และในข้อแรกซึ่งสำคัญที่สุด และเป็นตัวกำหนดทิศทางชีวิต

 

‘เลือกคนที่คุณอยากจะเดินตาม’

 

 

บางทีหากป็อกบาได้อ่าน 14 ข้อนี้อีกสักครั้ง เขาอาจจะคิดอะไรบางอย่างออกครับ

 

14 คำแนะนำของแกรี เนวิลล์ ต่อนักฟุตบอลในอคาเดมีของแมนฯ ยูไนเต็ด

  1. เลือกคนที่คุณต้องการจะเดินตาม
  2. ทุ่มเท 100% เสมอ พวกคุณยังไม่ได้ไปถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ในความหมายคือเด็กๆ นั้นยังอยู่แค่ที่อคาเดมี ไม่ใช่ทีมชุดใหญ่) ดังนั้นพวกคุณจำเป็นต้องรักษามาตรฐานการเล่นสูงสุดเอาไว้ให้ได้ตลอดเวลา ตลอดทุกวัน (365)
  3. จำไว้ให้ดีว่าทำไมถึงเริ่มเล่นฟุตบอล คุณรักมันเพราะมันคือฟุตบอล ไม่ใช่เพราะเงิน ชื่อเสียง ผู้หญิง หรือรถหรูๆ
  4. การเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบ – ดูแลของของตัวเองให้ดี และเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาให้คนอื่นทำแทนตัวเอง เช่น เรื่องการดูแลบัญชีธนาคาร พาสปอร์ต และอื่นๆ หัดตัดสินใจด้วยตัวเอง!
  5. วิเคราะห์และประเมินผลงานของตัวเอง เป็นโค้ชให้กับตัวเราเอง
  6. ต้องมีความคิดที่จะทุ่มเทให้กับการทำงาน ถ้าเราพยายามมากกว่าคนอื่น เราก็สามารถแซงหน้าคนที่ต่อให้มีพรสวรรค์ที่สูงกว่าได้
  7. ทำตัวให้เป็นมืออาชีพที่สุด แล้วคุณจะไม่มีวันเสียใจ
  8. การจะเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นจะต้องมีบุคลิกและตัวตนที่เหมาะสม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้เมื่อเวลาผ่านไป
  9. เป็นคนที่พร้อมจะเสี่ยง เพราะมันเป็นคุณสมบัติของการเป็นผู้นำอีกแบบหนึ่ง
  10. ความสำเร็จและความล้มเหลวเป็นสองด้านของเหรียญ เราจำเป็นที่จะต้องสามารถรับมือกับอารมณ์ทั้งสองด้านได้ด้วยประสบการณ์ จำไว้ว่าไม่ว่าจะแพ้หรือชนะเราก็ยังสามารถไปกินอาหารจีนตอนดึกวันเสาร์ได้ พยายามมองทุกอย่างอย่างเป็นกลาง
  11. รู้จักตัวเองให้มากขึ้น แล้วมันจะเป็นผลดีกับเราเอง
  12. อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
  13. เส้นทางสู่จุดสูงสุดนั้นมีมากมายหลายหลาก และมีน้อยคนมากๆ ที่จะได้ไปในถนน ‘สายที่หนึ่ง’ เหมือน (ไรอัน) กิกส์ หรือ (เวย์น) รูนีย์ และนั่นคือความท้าทายของคุณที่จะต้องหาเส้นทางที่เหมาะสมของตัวเอง เพราะเราทุกคนล้วนแตกต่างกัน
  14. ความสามารถในการรับมือกับเรื่องอาการบาดเจ็บนั้นสำคัญมาก และเราควรจะมีจิตใจที่เข้มแข็งในการที่จะรับมือกับมัน มองการบาดเจ็บในการเป็นโอกาสที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย และ ‘รีเซ็ต’ จิตใจของคุณ (รีเฟรชในเวลาเดียวกัน) เพื่อต่อสู้กับความท้าทายอีกมากมายที่รออยู่ในวันข้างหน้า

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising