มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ได้สรุปภาพ ‘กองทุนรวม’ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 พบว่า มีมูลค่าทรัพย์สินรวม (AUM) 4.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้น 5.4% จากเดือนธันวาคม 2563 โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีเงินไหลเข้าสุทธิรวม 9.3 หมื่นล้านบาท
สำหรับกองทุนรวมตราสารทุน ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมาราว 20% โดยในไตรมาส 2 ปี 2564 มีเงินไหลเข้ากองทุนรวมตราสารทุนราว 2.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 มีเงินไหลเข้าสุทธิ 1.6 แสนล้านบาท
ส่วนกองทุนรวมตราสารหนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสแรก โดยไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิ 6.6 หมื่นล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกปี 2564 มีเงินไหลออกเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ภาพรวมครึ่งปีแรกมีเงินไหลเข้าสุทธิราว 3.6 หมื่นล้านบาท
“การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของมูลค่าทรัพย์สินกองทุนรวมตราสารทุน ทำให้มูลค่าของกองทุนรวมประเภทดังกล่าว เริ่มใกล้เคียงกับกองทุนรวมตราสารหนี้ โดยมีส่วนต่างราว 6 หมื่นล้านบาท ประกอบกับผู้ลงทุนยังให้ความสนใจลงทุนในตราสารทุน โดยเฉพาะกองทุนหุ้นต่างประเทศ อาจทำให้กองทุนตราสารทุนขึ้นเป็นสัดส่วนหลักของอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยได้ภายในปีนี้” รายงานของมอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช ระบุไว้
สำหรับกองทุนรวมตราสารตลาดเงิน มีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 6% มาอยู่ที่ 6.6 แสนล้านบาท โดยเป็นการไหลออกในช่วงไตรมาสล่าสุด 3.9 หมื่นล้านบาท และหากดูตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2564 พบว่ามีเงินไหลออกสุทธิราว 9.4 หมื่นล้านบาท
ส่วนกองทุนกลุ่มคอมมูนิตี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 มีทรัพย์สินสุทธิ 3.1 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยในไตรมาสล่าสุด มีเงินไหลออกสุทธิ 1.9 พันล้านบาท และตลอดครึ่งแรกปี 2564 มีเงินไหลออกสุทธิ 3.4 พันล้านบาท ส่วนใหญ่หรือกว่าครึ่งหนึ่งเป็นการไหลออกจากกองทุนน้ำมัน หลังจากที่ราคาเริ่มปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้กองทุนกลุ่มหุ้นจีนและกองทุนหุ้นโลก เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 15.2% และ 14.4% ตามลำดับ แต่เงินไหลเข้ามีการชะลอตัวลงในไตรมาสล่าสุด กองทุนหุ้นจีนมีเงินไหลเข้า 1.6 หมื่นล้านบาท จากไตรมาสแรกมีเงินไหลเข้ากว่า 5 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับกองทุนหุ้นทั่วโลกมีเงินไหลเข้าสุทธิ 7.6 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกที่มีเงินไหลเข้ากว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยรวม 2 กลุ่มนี้ยังคงเป็นกลุ่มที่มีเงินไหลเข้าสูงสุดรอบครึ่งปีที่ 7.1 และ 5.1 หมื่นล้านบาทตามลำดับ