×

Morning Brief (21 ธ.ค. 2563)

21.12.2020
  • LOADING...
Morning Brief (21 ธ.ค. 2563)

HIGHLIGHTS

  • ‘ตลาดหุ้นจีน’ เริ่มโดนแรงขายทำกำไร
  • Huawei มีแผนลงทุน 200 ล้านยูโรในฝรั่งเศส
  • ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่นยังพุ่งสูงต่อเนื่อง
  • ‘หุ้นเกาหลีใต้’ ปิดตลาดทำจุดสูงสุดครั้งใหม่
  • ราคาทองคำร่วงเล็กน้อยหลังเงินดอลลาร์แข็งค่า

Morning Brief (21 ธ.ค. 2563)

 

‘ตลาดหุ้นจีน’ เริ่มโดนแรงขายทำกำไร
ตลาดหุ้นจีน CSI 300 ลดลง 17.51 จุด หรือ 0.35% ดัชนีรวมหุ้นขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงเป็นวันแรกหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 4 วันติดต่อกัน ดัชนีเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่มีแรงขายทำกำไรกันออกมาอีกครั้ง

 

ปัจจัยหลักที่เข้ามากดดันดัชนีมาจาก
1. หุ้นในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค สุรา และสถาบันการเงิน ปรับตัวลดลงกันทั้งหมดจากแรงขายทำกำไร หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีจากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
2. นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิออกมาอีกครั้งที่ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ยังคงตึงเครียดจากกระแสข่าวที่ทางสหรัฐฯ มีแผนจะขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนจำนวนหลายสิบแห่ง ส่วนหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีและเฮลท์แคร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เป็นส่วนใหญ่ หุ้นในกลุ่มผู้ผลิตถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีมาก หลังความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก


Huawei มีแผนลงทุน 200 ล้านยูโรในฝรั่งเศส
Huawei ออกมาเผยว่าทางบริษัทมีแผนลงทุน 200 ล้านยูโรในการสร้างโรงงานสำหรับผลิตอุปกรณ์เน็ตเวิร์กของระบบโทรศัพท์มือถือในประเทศฝรั่งเศส โดยโรงงานนี้จะมีการจ้างงาน 300 อัตรา และจะเพิ่มเป็น 500 อัตราโดยสินค้าที่ผลิตในโรงงานนี้จะผลิตเพื่อขายในสหภาพยุโรปเป็นหลัก

 

ส่วนโรงงานระยะที่ 2 ใน Gigafactory 3 ที่ตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้จะเริ่มทดสอบการผลิตภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยในปีหน้าทางโรงงานจะเริ่มผลิต V3 Supercharger ที่ชาร์จรถยนต์ Tesla รุ่นที่ 3 ให้ได้อย่างน้อย 10,000 เครื่อง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าจำนวนที่ชาร์จที่มีอยู่ในปัจจุบัน

 

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่นยังพุ่งสูงต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei ลดลง 43.28 จุด หรือ 0.16% ดัชนีของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงอีกครั้งในการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในคืนวันพฤหัสบดีที่สามารถปิดที่ระดับสูงสุดใหม่ได้

 

ปัจจัยหลักที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่นมาจาก
1. ตัวเลขผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉพาะในกรุงโตเกียวเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 1,000 รายในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้กรุงโตเกียวประกาศยกระดับระบบดูแลทางการแพทย์และยกระดับการแจ้งเตือนสู่ระดับสูงสุด
2. ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นมาค่อนข้างแรงในคืนวันพฤหัสบดีมาที่ระดับ 103.10 เยน ถึงแม้จะมีการอ่อนตัวลงบ้างในตลาดวันศุกร์ก็ตาม หุ้นในกลุ่มสายการบิน เฮลท์แคร์ และค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผสมผสาน

 

ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
1. ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับเดิม -0.10% ตามที่ตลาดคาดไว้
2. ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (เงินเฟ้อ) หรือ National Core CPI ประจำเดือนพฤศจิกายน หดตัว -0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เท่ากับที่ตลาดคาดไว้


‘หุ้นเกาหลีใต้’ ปิดตลาดทำจุดสูงสุดครั้งใหม่
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ KOSPI เพิ่มขึ้น 1.75 จุด หรือ 0.06% ดัชนีของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยและปิดที่ระดับสูงสุดใหม่ได้ ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลงมากและอยู่ในแดนลบแทบตลอดการซื้อขาย แต่สามารถมาปิดในแดนบวกในช่วงท้ายตลาด ปัจจัยหลักที่เข้ามากดดันดัชนีมาจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้ยังทรงตัวเหนือระดับ 1,000 รายต่อเนื่อง ล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ 1,062 ราย และหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อย่าง Samsung Electronics และ SK Hynix ปรับตัวลดลงทั้งคู่ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาต่อเนื่องอีก 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หุ้นในกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภค เฮลท์แคร์ และสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จึงช่วยให้ดัชนีปิดในแดนบวก

 

ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ทำข้อตกลงทางการค้าอย่างเป็นทางการที่ชื่อว่า Comprehensive Economic Partnership Agreement (CEPA) กับทางรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อขยายลู่ทางสำหรับผู้ประกอบการเกาหลีใต้ในการส่งออกสินค้าไปที่อินโดนีเซียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าด้านทุน รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนที่จะทำข้อตกลงทางการค้าปลีกย่อยกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศในตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจจากประเทศจีนและสหรัฐฯ


ราคาทองคำร่วงเล็กน้อยหลังเงินดอลลาร์แข็งค่า
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี 3 วันติดต่อกัน โดยปิดที่ 1,881 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.21% จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ดัชนี US Dollar Index ปิดที่ 89.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.11%

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย 

 พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์    

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising