×

Moonfall หนังดวงจันทร์ถล่มโลกจาก Roland Emmerich ที่แม้จะเล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จ แต่ก็ทดแทนด้วยฉากภัยพิบัติสุดอลังการ

04.02.2022
  • LOADING...
Moonfall

Moonfall คือผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ Roland Emmerich เจ้าพ่อหนังภัยพิบัติล้างโลกอย่าง Independence Day (1996), The Day After Tomorrow (2004) และ 2012 (2009) โดยได้สามนักแสดงมากฝีมืออย่าง Patrick Wilson จาก The Conjuring (2013), Halle Berry จาก Monster’s Ball (2001) และ John Bradley จากซีรีส์ Game of Thrones มารับบทนำ

 

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อจู่ๆ นักวิทยาศาสตร์จากนาซาตรวจพบความผิดปกติของดวงจันทร์ที่ค่อยๆ หลุดจากวงโคจรและกำลังพุ่งมาชนโลกในอีกไม่ช้า ความหวังเดียวของมนุษยชาติจึงตกเป็นของสองนักบินอวกาศ Jo Fowler (Halle Berry), Brian Harper (Patrick Wilson) และหนึ่งนักทฤษฎีสมคบคิด KC Houseman (John Bradley) ที่จะต้องออกเดินทางสู่อวกาศเพื่อหาทางหยุดยั้งไม่ให้ดวงจันทร์ชนโลก แต่เมื่อเดินทางไปถึง พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงของดวงจันทร์ที่ไม่เคยมีใครรับรู้มาก่อน 

 

 

Moonfall เรียกว่าเป็นผลงานของ Roland Emmerich ที่มีพล็อตเรื่องที่ไฮคอนเซปต์และชวนให้เราอยากติดตามตั้งแต่แรกเห็น ตั้งแต่ดวงจันทร์ที่จู่ๆ ก็กำลังจะพุ่งชนโลก ภาพความวินาศสันตะโรที่โลกต้องเผชิญ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ชวนให้เราหาคำตอบว่ามันคืออะไรและมาจากไหน 

 

สำหรับใครที่เคยชมภาพยนตร์แนวภัยพิบัติของ Roland Emmerich มาบ้าง ก็น่าจะพอทราบดีว่าผลงานของเขาค่อนข้างจะมีสูตรสำเร็จอยู่พอสมควร จนเราสามารถคาดเดาเหตุการณ์และการกระทำของตัวละครที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก 

 

 

 

และดูเหมือนว่า Roland Emmerich จะทราบถึงประเด็นนี้ดีอยู่แล้ว ผู้กำกับและทีมสร้างจึงเลือกที่จะดำเนินเรื่องราวแบบกระชับฉับไว ไม่ต้องยืดเยื้อ ไม่ต้องซับซ้อน ผู้ชมสามารถเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเป้าหมายที่ตัวละครต้องทำอย่างชัดเจน ก่อนที่ภาพยนตร์จะกระหน่ำซัดฉากภัยพิบัติสุดเวอร์วังใส่ผู้ชมแบบไม่ยั้ง ทั้งฉากบ้านเมืองที่ถูกคลื่นสูงกลืนกินไปทั้งเมื่อง ฉากอุกกาบาตถล่มโลก ฉากขับเครื่องบินอวกาศสุดผาดโผน ฉากดวงจันทร์เข้าใกล้โลกสุดตระการตา ฯลฯ 

 

นอกจากฉากภัยพิบัติล้างโลกแล้ว จุดที่เราเซอร์ไพรส์มากๆ คือไม้เด็ดที่ Roland Emmerich ซุกซ่อนเอาไว้ในช่วงองก์สามของเรื่อง เพราะอย่างที่เรากล่าวไว้ในตอนต้นว่า Moonfall คือภาพยนตร์ภัยพิบัติที่เล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จ เราจึงสามารถคาดเดาเนื้อเรื่องได้ไม่ยากนัก กระทั่งภาพยนตร์ได้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญในช่วงท้าย ซึ่งเราไม่คาดคิดมาก่อนว่า Roland Emmerich จะพาเรื่องราวของ Moonfall ไปได้ไกลขนาดนี้ โดยส่วนตัวเราจึงค่อนข้างชื่นชอบประเด็นที่ภาพยนตร์พยายามจะนำเสนอพอสมควร  

 

 

ตัดสลับมาที่จุดด้อยของภาพยนตร์กันบ้าง จุดแรกที่เราค่อนข้างขัดใจเป็นการส่วนตัว คือการที่ภาพยนตร์พยายามจะเล่าเหตุการณ์สองเหตุการณ์ควบคู่กันไป แต่กลับนำเสนอออกมาได้ไม่ดีนัก นั่นคือเหตุการณ์ทำภารกิจบนอวกาศและเหตุการณ์เอาชีวิตรอดบนพื้นโลก เราคิดว่าภาพยนตร์เลือกใช้จังหวะการตัดต่อที่รวบรัดเกินไปเสียหน่อย เช่น บางฉากที่เรากำลังตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญวิกฤต จู่ๆ ภาพยนตร์ก็ตัดสลับไปที่เหตุการณ์ของตัวละครอีกกลุ่มหนึ่งเสียอย่างนั้น มันจึงส่งผลให้ความรู้สึกของผู้ชมขาดความต่อเนื่องอยู่พอสมควร 

 

อีกหนึ่งจุดที่เราคิดว่าใครหลายคนน่าจะเห็นตรงกัน คือตัวอย่างภาพยนตร์ค่อนข้างจะเผยฉากสำคัญๆ ให้เราเห็นก่อนค่อนข้างเยอะ มันจึงส่งผลให้หลายๆ ฉากที่ควรจะสร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชมในโรงกลับถูกลดทอนลงไปมากพอสมควร ดังนั้นสำหรับใครที่วางแผนจะไปชม Moonfall ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เราอยากแนะนำให้เลี่ยงการชมตัวอย่างไปก่อนน่าจะดีที่สุด

 

 

ในภาพรวมแล้ว Moonfall ยังคงเป็นภาพยนตร์ภัยพิบัติล้างโลกจากฝีมือของ Roland Emmerich ที่เวอร์วังอลังการไม่แพ้ผลงานอื่นๆ และผู้ชมสามารถสนุกสนานกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ส่วนจุดที่ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องแบบสูตรสำเร็จ ส่วนตัวเรามองว่าไม่ได้เป็นจุดด้อยของภาพยนตร์ขนาดนั้น อาจเป็นเพราะเราพอจะคาดเดาไว้แล้วว่าตัวผู้กำกับและทีมสร้างจะนำเสนอเรื่องราวออกมาประมาณไหน อีกทั้งเราคิดว่าตัวภาพยนตร์ก็มีฉากที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์อยู่เช่นกัน แต่จุดด้อยสำคัญจริงๆ เห็นจะเป็นตัวอย่างภาพยนตร์ที่เผยฉากสำคัญๆ ออกมามากเกินไป มันจึงทำให้ความสนุกของภาพยนตร์ลดลงไปมากพอสมควร 

 

Moonfall เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising