Moody’s Investors Service และ Fitch Ratings สองบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ออกมาเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ‘โอไมครอน’ อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นด้วย โดยการคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่เชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้จะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในโลกพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
Elena Duggar กรรมการผู้จัดการของ Moody’s เปิดเผยกับสำนักข่าว Reuters ว่า ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อของโลก เนื่องจากการตรวจพบเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน การเร่งตัวของเงินเฟ้อ และการขาดแคลนแรงงาน เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
นอกจากนี้ Duggar ยังมองว่าไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในฤดูการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปีอีกด้วย
“ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจส่งผลให้การตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนปรับตัวลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ได้” Duggar กล่าว
ผู้บริหารของ Moody’s ยังประเมินด้วยว่า ในกรณีที่การระบาดทวีความรุนแรงขึ้น ประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มที่ยังมีสัดส่วนการฉีดวัคซีนต่อประชากรน้อย พึ่งพาการท่องเที่ยวสูงและเหลือช่องว่างในการใช้มาตรการทางการเงินและคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อย
ด้าน Fitch Ratings ระบุว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอน จนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนถึงความรุนแรงของการแพร่ระบาดและอาการของโรค
“เราเชื่อว่าการชะลอตัวครั้งใหญ่ของเศรษฐกิจแบบที่เคยเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก แต่การเร่งตัวของเงินเฟ้อจะทำให้การดำเนินโยบายเศรษฐกิจมหภาคของประเทศต่างๆ มีความซับซ้อนขึ้น” Fitch เปิดเผยกับ Reuters
หลายประเทศเริ่มมีคำสั่งปิดพรมแดนในวันนี้ (30 พฤศจิกายน) ขณะที่หลายสายการบินก็เริ่มหยุดให้บริการกับผู้โดยสารในเส้นทางแอฟริกาตอนใต้ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกาได้ ขอให้ชาวอเมริกันอย่าตื่นตระหนก พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตยาหลายแห่งเพื่อพัฒนาวัคซีนสำหรับหยุดยั้งไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้
ทั้งนี้ไบเดนยังยืนยันด้วยว่า สหรัฐฯ จะไม่กลับในไปใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในฤดูหนาวนี้ พร้อมขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเร่งฉีดและสวมหน้ากากอนามัย
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP