หลังจากที่ได้ชม Monster: The Jeffrey Dahmer Story ผลงานของโปรดิวเซอร์ ไรอัน เมอร์ฟีย์ และ เอียน เบรนแนน เมื่อสองปีก่อน มาปีนี้เขากลับมาอีกครั้งกับคดีดังช่วงต้นยุค 90 ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องตระกูลเมเนนเดซที่ลงมือสังหารพ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจว่าพวกเขาถูกพ่อล่วงละเมิดทางเพศเป็นเวลานานหลายปีโดยที่แม่ก็นิ่งเฉยจนก่อเหตุสลดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าสองพี่น้องพูดเรื่องจริงหรือกุเรื่องเพื่อเอาตัวรอดกันแน่
ในปี 1989 โฮเซ เมเนนเดซ (ฮาเวียร์ บาเด็ม) ซีอีโอของ Live Entertainment และภรรยา คิตตี้ เมเนนเดซ (โคลอี ซาวิจนี) ถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหดที่คฤหาสน์ในเบเวอร์ลีฮิลส์ โดยลูกชายสองคนคือ ไลล์ (นิโคลัส อเล็กซานเดอร์ ชาเวซ) และ เอริก (คูเปอร์ โค้ช) เป็นผู้พบศพพวกเขา และอ้างว่ากลุ่มมาเฟียคือผู้ก่อเหตุดังกล่าว
หลังจากนั้นสองพี่น้องก็ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยผิดสังเกต และแอบไปสารภาพกับ ดร.โอเซียล (ดัลลาส โรเบิร์ตส์) นักจิตวิทยา ว่าพวกเขาเป็นคนลงมือฆ่าพ่อแม่ตัวเอง ต่อมาเรื่องหลุดไปถึงมือตำรวจ พี่น้องเมเนนเดซถูกจับกุม กลายเป็นที่อื้อฉาวไปทั่วโลก จากนั้นก็มีคำกล่าวอ้างของทั้งคู่ว่าถูกทารุณกรรมและล่วงละเมิดทางเพศโดยพ่อของพวกเขาจนต้องฆ่าพ่อเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง และฆ่าแม่เพราะคิดว่าเธอสมรู้ร่วมคิดด้วย
ขั้นตอนการพิจารณาคดีนี้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก ฟากหนึ่งคิดว่าพวกเขาฆ่าพ่อแม่เพราะต้องการมรดก ส่วนอีกฟากเห็นใจเรื่องถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในช่วงนั้นทั้งคู่กลายเป็นคนดังที่ประชาชนสนใจ จนกระทั่งเกิดคดีของดาราฟุตบอล โอเจ ซิมป์สัน ซึ่งคำตัดสินออกมาค้านสายตาทุกคน ส่งผลให้คดีของสองพี่น้องถูกพิจารณาอย่างเข้มงวดมากขึ้น เมื่อผนวกเข้ากับพฤติการณ์แวดล้อมต่างๆ ทำให้ผลการตัดสินของศาลให้ทั้งคู่จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ได้รับสิทธิการลดหย่อน จนถึงวันนี้เรื่องราวของพี่น้องตระกูลเมเนนเดซก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นจริงหรือหลอกกันแน่
Monsters: The Lyle and Erik Menendez Story เหมือนพาเราเข้าไปดูเบื้องลึกเบื้องหลังของคดีนี้ โดยอุทิศอีพีแรกๆ ทำความรู้จักกับตัวตนของทั้งคู่ นั่นคือไลล์ พี่ชายคนโตที่ดูแบดบอย มีความเป็นผู้นำในการชักจูงน้อง ภายนอกเขาคือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดัง แต่เบื้องหลังมีประวัติฉาว เคยร่วมกันโจรกรรมทรัพย์สินเพื่อนบ้านกับน้องชาย ขณะที่เอริกคือเด็กหนุ่มหัวอ่อน เขาเป็นนักเทนนิสติดอันดับในสหรัฐอเมริกาที่ค่อนข้างอ่อนไหว ภาพความรุนแรงที่คนดูได้เห็นมีเพียงความเข้มงวดเกินปกติของพ่อ ยิ่งเมื่อรวมกับพฤติกรรมผลาญเงินของไลล์และเอริกไปถึง 700,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 23 ล้านบาท ยังไม่คำนวณอัตราเงินเฟ้อปัจจุบัน) หลังจากพ่อแม่ตายไปไม่กี่เดือน ก็อาจจะด่วนสรุปว่าทั้งคู่เป็นเด็กใจแตกสารเลวก็เท่านั้น
แต่ความเข้มข้นมาเริ่มต้นตอนกลางเรื่อง เมื่อความจริงที่ว่าเขาทั้งคู่ถูกพ่อล่วงละเมิดทางเพศมานานหลายปี โดยเฉพาะในอีพีที่ 5 เล่าเรื่องด้วยบทสนทนาแบบช็อตเดียวระหว่างเอริกและทนายความ เลสลี อบามสัน (อารี เกรย์เนอร์) ความยาว 35 นาที โดยกล้องจับภาพระยะห่างและค่อยๆ เข้าใกล้เอริกมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาเล่าประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากพ่อแบบเจ็บปวดและชัดเจน จนคนดูต้องรู้สึกหดหู่ไปกับสิ่งที่เขาได้เจอ และยังช่วยอธิบายหลายๆ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งการโจรกรรมเพื่อนบ้านหรือการที่เขาเลือกใช้เซ็กซ์กับผู้ชายเพื่อหาที่พึ่งพิง ต้องยอมรับว่าฝีมือการแสดงของ คูเปอร์ โค้ช ในฉากนี้อาจทำให้เขาคว้ารางวัล Emmy Awards ได้เลยทีเดียว
ตามมาด้วยความเข้มข้นในอีพีที่ 6 เล่าเรื่องในมุมของพ่อแม่บ้าง ทั้งตัวโฮเซที่พกพาความฝันแบบอเมริกันดรีมมาจากคิวบา จนได้มาเจอกับสาวผิวขาวอย่างคิตตี้ และแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน ขณะที่หน้าที่การงานประสบความสำเร็จด้วยความฉ้อฉลอย่างที่เขาพร่ำสอนลูกๆ ว่า ‘โกหก โกง ขโมย แต่อย่าถูกจับได้’ ชีวิตครอบครัวก็พังทลาย เมื่อรวมกับประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้เขากลายเป็นปีศาจที่สร้างปีศาจตัวใหม่ขึ้นมา โดยในตอนนี้มีประเด็นน่าสนใจเรื่องความใกล้ชิดกับเด็กเกินพอดีที่พ่อแม่คิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ แต่กลับเป็นบาดแผลในใจ และถ่ายทอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น ส่วนคิตตี้ก็คือผู้หญิงที่น่าสงสาร เธอไม่อยากมีลูกด้วยซ้ำ แต่ก็กล้ำกลืนประคับประคองครอบครัวแบบไม่รู้ถูกผิด
ความดีงามของ Monsters: The Lyle and Erik Menendez Story คือฝีมือการแสดงของรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ ทั้ง ฮาเวียร์ บาเด็ม ในบทโฮเซ ที่แสดงออกมาได้น่ากลัวแต่ก็มีความละเอียดอ่อนกับการเป็นหัวหน้าครอบครัวเจ้าอารมณ์ เป็นทั้งตัวร้ายและเหยื่อในคราวเดียวกัน ส่วน โคลอี ซาวิจนี ก็ตีความการเป็นคิตตี้ได้อย่างซับซ้อน ยากจะคาดเดาความรู้สึก ซึ่งก็เป็นสิ่งทุกคนยังคงตั้งคำถามกับตัวตนของคิตตี้ในชีวิตจริงจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ นิโคลัส อเล็กซานเดอร์ ชาเวซ กับบทบาทไลล์ พี่ชายคนโตอารมณ์ฉุนเฉียวเหมือนถอดแบบพ่อมาจนหมด ก็แสดงออกมาได้อย่างเข้มข้นจนจะระเบิดออกมานอกหน้าจอในบางที และความเป็นผู้นำที่มักจะ ‘นำแต่เรื่องแต่ราวมาให้’ ก็ทำให้คนดูทั้งหมั่นไส้และน่าเห็นใจไปพร้อมๆ กัน ส่วน อารี เกรย์เนอร์ ในบททนายความก็สร้างทั้งความน่าหมั่นไส้ในตอนต้น และอ่อนไหวในตอนท้ายได้อย่างลงตัว
การดำเนินเรื่องของ Monsters: The Lyle and Erik Menendez Story มีความเป็นลูกคลื่น นั่นคือแผ่วๆ ในตอนต้น ดึงอารมณ์คนดูขึ้นสูงสุดตอนกลางเรื่อง และกลับมาแผ่วในตอนท้าย โดยเฉพาะสองตอนหลังสุดเหมือนใส่ความอีรุงตุงนังเพื่อรักษาความสมดุลระหว่างความคลางแคลงใจกับความเห็นอกเห็นใจ เพราะความเข้มข้นส่วนใหญ่เล่าเรื่องในมุมของสองพี่น้องแค่ฝ่ายเดียว ส่วนในมุมอื่นๆ ก็ออกมาแบบรวบรัดตัดความ แต่ถึงอย่างนั้นซีรีส์เรื่องนี้ก็หยิบยกประเด็นที่ท้าทายมากมายมาพูดถึง และให้มุมมองที่น่าสนใจทีเดียว
