×

มงคลกิตติ์แถลงออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ลั่นปมถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ หากเป็นนายกฯ จะลาออกตั้งแต่วันแรก

13.08.2019
  • LOADING...
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค เปิดห้องโรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ แถลงข่าวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ

 

มงคลกิตติ์กล่าวว่าวันนี้แถลงในนามคณะกรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอเปลี่ยนสถานะจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นฝ่ายค้านอิสระ หรือเรียกตัวเองว่าเป็น ส.ส. ฝ่ายประชาชน ซึ่งหมายความว่าไม่ได้ไปร่วมกับ 7 พรรคฝ่ายค้าน แต่มีแนวทางการตัดสินใจเป็นเอกเทศ โดยจากนี้ไปสภาจะไม่ได้มีแค่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่จะมีฝ่ายค้านอิสระอีก 1 คน

 

“ในอนาคตหากมี ส.ส. ที่อึดอัดในการทำตามมติพรรคหรือมติวิปก็มาอยู่ร่วมกันได้ เพื่อให้มีอิสระในการตัดสินใจในแต่ละเรื่องโดยไม่มีข้อบังคับพรรค มติพรรค หรือมติวิปมาบีบให้พูดหรือไม่ให้พูด เพราะสิ่งที่เจอมาในช่วง 2 เดือนรู้สึกอึดอัด” 

 

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

 

มงคลกิตติ์ย้อนอธิบายเหตุผลในการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล 3 ข้อ ได้แก่

 

1. เพื่อเปิดสวิตช์ประเทศไทยให้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างสมบูรณ์

 

2. เพื่อนำนโยบายของพรรคไปขับเคลื่อน

 

3. เพื่อให้ ม.44 หายไป สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน

 

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

 

ขณะที่สาเหตุในการออกจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ได้แก่

 

1. การทำงานในสภารู้สึกไม่อิสระ เพราะต้องเกรงใจในหลายขั้นตอน มีการบล็อกกันไม่ให้ตั้งกระทู้สด ให้เวลาในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองน้อยมาก

 

2. พรรคพลังประชารัฐไม่ให้เกียรติกัน ไม่นำนโยบายไปดำเนินการ แถมดำเนินนโยบายสวนทางอย่างสิ้นเชิง อาทิ ผลักดันจัดซื้อเครื่องบินการบินไทย 1.56 แสนล้านบาท ทั้งที่การบินไทยมีหนี้สินกว่า 2.48 ล้านบาท และมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง

 

2.2 แนวคิดหารายได้เพิ่มของ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอเพิ่มภาษีน้ำมัน ซ้ำเติมความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้ค่าครองชีพในทุกด้านสูงขึ้น

 

2.3 ออกนโยบายประชานิยม แจกเงินประชาชน ซึ่งถ้าจะแจกได้ต้องจัดทำงบประมาณแบบเกินดุล

 

2.4 รัฐบาลมีแนวโน้มกู้เงิน IMF รอบสอง เนื่องจากมีหนี้เงินต้นต่างประเทศกว่า 6 ล้านล้านบาท หนี้ส่วนของรัฐวิสาหกิจอีก 1 ล้านล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มถูกบังคับให้ขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไร เช่น กฟผ. และ ปตท.

 

3. ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐไม่รักษาสัจจะ ไม่ใส่ใจแก้ปัญหาแบบให้เกียรติ ไม่ให้ความสำคัญตั้งแต่ต้น ต้องให้กลุ่ม 10 พรรคออกมาเรียกร้อง ซึ่งปัจจุบันมันสายไปแล้ว

 

และเหตุผลข้อที่ 4. ซึ่งสำคัญมาก กรณีนายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่ครบ ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ และไม่มีการแสดงสปิริตรับผิดชอบทางการเมืองหรือแก้ไขให้ถูกต้อง

 

“ถ้าผมเป็นนายกฯ ลาออกตั้งแต่วันแรก และขอพระราชทานอภัยโทษ ยิ่งเป็นชายชาติทหารต้องไม่ทำอะไรแบบนี้” มงคลกิตติ์กล่าว

 

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

 

มงคลกิตติ์กล่าวด้วยว่าจุดยืนทางการเมืองของพรรคมี 4 ประการคือ

 

1. ตนและคณะกรรมการไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมืองฝ่ายบริหารใดๆ นอกเหนือจากตำแหน่ง ส.ส. ที่ประชาชนให้มา

 

2. จะใช้สถานะ ส.ส. นำปัญหาประชาชนเข้าสภาเพื่อแก้ไขปัญหา

 

3. ยังเห็นว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสามารถบริหารประเทศต่อไปได้ ถ้าแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง

 

4. ยืนยันจะทำหน้าที่ ส.ส. ฝ่ายค้านอิสระ ยืนข้างประชาชนอย่างเต็มความสามารถ สนับสนุนเรื่องถูกต้องชอบธรรม เรื่องไม่ถูกต้องจะคัดค้าน เรียกว่าเป็นฝ่ายค้านอิสระอย่างสร้างสรรค์

 

“ในรัฐบาลชุดนี้ ถ้ายังมีชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ไม่เข้าร่วม” มงคลกิตติ์กล่าว 

 

มงคลกิตติ์ยังเปิดเผยเบื้องหลังการเจรจาต่อรองของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทำให้พรรคเล็กอีก 9 พรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาลต่อไปว่า พรรคพลังประชารัฐได้ส่งแกนนำหลายคนมาพูดคุยปรับความเข้าใจในแต่ละพรรค ซึ่งนโยบายหลายพรรคต่างจากพรรคเรา การมีแนวทางแตกต่างกันถือเป็นอิสระของแต่ละพรรค

 

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าผู้ใหญ่ที่พรรคพลังประชารัฐรักษาคำพูด ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผิดคำพูด

 

โดยครั้งแรกคือสัญญาว่าจะให้โควตาตำแหน่งรัฐมนตรีกับกลุ่ม 10 พรรคเล็กเหมือนพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมี 1 รัฐมนตรีและ 1 รัฐมนตรีช่วย แต่ก็ไม่ได้

 

ส่วนครั้งที่ 2 คือหน้าที่ฝ่ายบริหาร ซึ่งส่วนของตนคือตำแหน่ง ‘ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่กำกับกระทรวงการคลัง’ เพื่อตรวจสอบการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพ

 

อย่างไรก็ตาม เหตุผลในการออกจากรัฐบาลในเรื่องตำแหน่งมีประมาณ 15% เหตุผลหลักคือนโยบายของพรรคมันขัดกันอย่างสิ้นเชิง 

 

ช่วงท้ายนักข่าวถามด้วยว่าจะพูดอะไรกับคนที่ไม่เชื่อคำพูดของคุณแล้วบ้าง

 

“ขอใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” มงคลกิตติ์กล่าว 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising