×

พาณิชย์เผย เงินเฟ้อในประเทศคู่ค้าฉุดส่งออกเดือน ม.ค. ติดลบ 4.5% เล็งฟื้นเจรจา FTA ไทย-อียู พร้อมเจาะตลาดใหม่ในเอเชียกลาง

02.03.2023
  • LOADING...
เงินเฟ้อในประเทศคู่ค้า

กระทรวงพาณิชย์เผย เงินเฟ้อในประเทศคู่ค้าฉุดตัวเลขส่งออกเดือนมกราคมติดลบ 4.5% เตรียมฟื้นเจรจา FTA ไทย-อียู พร้อมขยายตลาดใหม่ในเอเชียกลาง 5 ประเทศ สรท. มอง 5 ปัจจัยหนุนส่งออกไทยปีนี้ยังเป็นบวก

 

สินิตย์ ไกรเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา การส่งออกไทยมีมูลค่ารวมที่ 20,249 ล้านดอลลาร์ หรือ 7.01 แสนล้านบาท หดตัว 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ทั้งนี้ หากแยกตามประเภทสินค้า 3 หมวดสำคัญ พบว่า หมวดสินค้าเกษตรติดลบ 2.2% คิดเป็นมูลค่า 1,814 ล้านดอลลาร์ หรือ 6.27 หมื่นล้านบาท โดยมีสินค้าที่เติบโตสูง ได้แก่ ข้าว ไก่สด ไก่แช่เย็น ผลไม้สด ทุเรียนสด มะม่วงสด มังคุดสด

 

ขณะที่สินค้าในหมวดอุตสาหกรรมเกษตร พบว่า ติดลบ 3.3% คิดเป็นมูลค่า 1,585 ล้านดอลลาร์ หรือ 5.48 หมื่นล้านบาท มีสินค้าที่เติบโตสูง ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์

 

ด้านสินค้าหมวดอุตสาหกรรมติดลบ 5.4% คิดเป็นมูลค่า 16,053 ล้านดอลลาร์ หรือ 5.55 แสนล้านบาท มีสินค้าที่เติบโตสูง ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์และอุปกรณ์ส่วนประกอบ เครื่องใช้สำหรับเดินทาง

 

ขณะที่ตลาดที่มีการเติบโตสูง 10 อันแรกประกอบด้วย

  1. ซาอุดีอาระเบีย +68.8%
  2. อิรัก +57.7%
  3. อิตาลี +51.5%
  4. บรูไน +49.5%
  5. แอฟริกาใต้ +47.9%
  6. สิงคโปร์ +27.3%
  7. เม็กซิโก +16.4%
  8. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ +14.4%
  9. บังกลาเทศ +6.9%
  10. อินเดีย +5.3%

 

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนทำให้การส่งออกปี 2565 ขยายตัวได้สูง ประกอบด้วย

 

  1. ประเทศคู่ค้ามีความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ เช่น อินโดนีเซียนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ไทยได้ประโยชน์จากเวียดนามส่งออกข้าวลดลง
  2. มีคำสั่งซื้อสินค้าในช่วงเทศกาล เช่น ไก่สดและแช่แข็งส่งออกไปจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน โกโก้ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์
  3. การเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานทางเลือกของประเทศคู่ค้า เป็นประโยชน์ต่อการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์

 

ส่วนปัจจัยด้านลบที่กดดันการส่งออกไทย ได้แก่

 

  1. อัตราเงินเฟ้อในประเทศคู่ค้าที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ชะลอการซื้อสินค้าใหม่และฟุ่มเฟือย สินค้าที่ได้รับผลกระทบคือคอมพิวเตอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ
  2. ภาคการผลิตโลกหดตัว ต่างประเทศจึงลดการสั่งซื้อวัตถุดิบ เช่น เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล

 

สินิตย์ระบุว่า เพื่อผลักดันการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปี กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะเดินหน้าจัดกิจกรรมกว่า 450 กิจกรรม โดยมุ่งขยายตลาดเดิม เจาะ 4 ตลาดศักยภาพ ได้แก่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLMV และจีน โดยจะจัดกิจกรรมในหลายรูปแบบ ทั้งการจัดงานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ผลักดันค้าขายออนไลน์

 

โดยมีแผนเจาะตลาดศักยภาพใหม่ในเอเชียกลาง 5 ประเทศ ได้แก่ คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน และคีร์กีซสถาน ซึ่งมีระดับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 3-7 ทำให้ตลาดเหล่านี้อาจกลายเป็นตลาดส่งออกสำคัญที่ช่วยลดการกระจุกตัวของตลาดส่งออกไทยได้มากขึ้นในปี 2566

 

นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังอยู่ระหว่างรื้อฟื้นการเจรจาการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายการลดภาษีระหว่างกันเหลือ 0% ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งดำเนินการอนุมัติกระบวนการและขั้นตอนการเจรจาให้เร็วที่สุด หลังจากที่การเจรจาหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งจะทำให้ไทยส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป 27 ประเทศได้มากขึ้น และมีแต้มต่อมากขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่น

 

อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่า การส่งออกของไทยในระยะข้างหน้าจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญที่ลดการบริโภคจากต้นทุนค่าครองชีพที่สูง แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอลงแต่ก็ยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้บรรยากาศการค้าโลกที่ยังตึงเครียดจากการกีดกันทางการค้า รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความยืดเยื้อและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น กระทบต่อการส่งออกของไทย

 

ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า ตัวเลขส่งออกในเดือนมกราคมที่ติดลบไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เนื่องจากการส่งออกไทยเริ่มชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาตามสภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี หากมองไปในระยะข้างหน้าจะพบว่าขณะนี้เริ่มมีปัจจัยบวก 5 ด้านที่จะช่วยหนุนการส่งออกไทยมากขึ้น ได้แก่

 

  1. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ และจีน เริ่มคงที่และปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะภาคการผลิตของจีนที่ขยายตัวได้ค่อนข้างดีจนมีโอกาสที่ GDP จีนในปีนี้อาจโตได้สูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อส่งออกไทย
  2. ปัญหาซัพพลายเชนมีแนวโน้มคลี่คลาย ในปีที่ผ่านมาความกังวลต่อภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้หลายประเทศเร่งนำเข้าเพื่อกักตุนสินค้าวัตถุดิบจนนำไปสู่ภาวะที่มีสินค้าคงคลังสูง โดยคาดว่าการระบายสินค้าคงคลังดังกล่าวจะใช้เวลาถึงไตรมาส 2 หลังจากนั้นความต้องการสินค้าจากผู้ผลิตจะกลับมาอีกครั้ง
  3. สินค้าเกษตรยังเป็นที่ต้องการของหลายประเทศ ขณะที่ปัญหาขาดแคลนชิปที่คลี่คลายลงจะช่วยผลักดันการส่งออกรถยนต์ของไทยได้
  4. ค่าระวางเรือและต้นทุนขนส่งในปัจจุบันเริ่มกลับมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนโควิดแล้ว ขณะที่ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ก็จบลงแล้วเช่นกัน
  5. ค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าสู่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ จากต้นปีที่ยังอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์อยู่ จะเป็นแรงส่งที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ภาคส่งออกไทย
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising