วันนี้ (7 มีนาคม) มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท. มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ในฐานะพนักงานสืบสวนผู้กล่าวหาคดีเว็บการพนันที่มีนายตำรวจเข้าไปเกี่ยวพัน ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด
ความว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 คดี ระหว่างตนในฐานะผู้กล่าวหา กับ ณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 61 คน ไปยังอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต
เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 142 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นข้าราชการตำรวจซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้รับผิดชอบทำการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
แต่กลับถูกกลุ่มผู้ต้องหากับพวกฟ้องร้อง ร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้กระทำการโดยชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหากับพวก จนกระทั่งคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาล รวมจำนวน 10 เรื่อง ดังนี้
- วันที่ 27 กันยายน 2566 พล.ต.ต. นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ (ผู้ต้องหาที่ 23) กับพวกรวม 8 คน (ผู้ต้องหาที่ 12, ที่ 20, ที่ 21, ที่ 22, ที่ 24, ที่ 25 และที่ 26) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลของ ร.ต.อ. ฤทธิ์ธาดา เครือสุข (พนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ คดีอาญาที่ 468/2566 สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ) กรณียื่นคำร้องขอหมายจับ
โดยอ้างว่าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีเจตนาที่จะปกปิดข้อเท็จจริงหรือให้ข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จต่อศาลผู้พิจารณาหมายจับและหมายค้น ปกปิดยศข้าราชการตำรวจในการขอออกหมายจับและหมายค้น โดยประสงค์ที่จะกลั่นแกล้งผู้ร้องทั้งแปด อันเป็นเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล และขอให้มีการเพิกถอนหมายจับ หมายค้น และหมายขังดังกล่าว
ซึ่งต่อมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิจารณาวินิจฉัยแล้วมีความเห็นว่า การร้องขอให้ออกหมายจับของผู้ร้องมีพยานหลักฐานและรายละเอียดครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 66 แล้ว
หมายจับที่ออกโดยศาลอาญากรุงเทพใต้จึงเป็นหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย พฤติการณ์ยังไม่พอให้รับฟังว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 พิจารณามีคำสั่งยกคำร้อง
- พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญาเพื่อพิจารณาว่าการยื่นคำร้องขอออกหมายค้นมีการปกปิดข้อเท็จจริงถึงความเป็นเจ้าบ้านต่อศาลหรือไม่ ศาลอาญาจึงได้มีหมายนัดถึงศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พล.ต.ต. ทินกร รังมาตย์) ผู้ยื่นคำร้องขอออกหมายค้นของศาลอาญา คำร้องที่ ค 416/2566 หมายค้นเลขที่ 416/2566 เพื่อนัดไต่สวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566
โดยผลการพิจารณา ศาลอาญาได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่าการยื่นคำร้องขอออกหมายค้นไม่ได้มีการปิดบังข้อเท็จจริงและไม่ได้มีการละเมิดอำนาจศาล
- วันที่ 11 ตุลาคม 2566 ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือ มินนี่ (ผู้ต้องหาที่ 2) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ กับพวก รวม 12 คน เป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 184/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วพบว่ายังไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) จึงได้มีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขฟ้องให้ถูกต้องเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566
จากนั้นต่อมาในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อท 241/2566
- วันที่ 11 ตุลาคม 2566 พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ (ผู้ต้องหาที่ 21) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.อ. กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ กับพวก รวม 10 คน เป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 141/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
ในฐานความผิดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยกล่าวหาว่าการตรวจยึดทรัพย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157)
- วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.ต. นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ (ผู้ต้องหาที่ 23) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. มนต์ชัย บุญเลิศ (ผู้กล่าวหา), พล.ต.ต. ทินกร รังมาตย์, พ.ต.อ. ธรรมศักดิ์ สารบุญ และ ร.ต.อ. ฤทธิ์ธาดา เครือสุข รวม 4 คน เป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 203/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ในฐานความผิดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยกล่าวหาว่าการร้องทุกข์กล่าวโทษ การยื่นคำร้องขอออกหมายจับและหมายค้น การคัดค้านการขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาชั้นตรวจคำฟ้อง
- กอบชัย อ่อนมณีวรรณ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการเข้าถึงหรือเข้าใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลทะเบียนราษฎร์) ของ ร.ต.อ. ศิริวัฒน์ ต๊ะอาจ (พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์และบัตรประจำตัวประชาชนของกอบชัยไปเผยแพร่ ทำให้ได้รับความเสียหาย
- ณัฐพงศ์ พรรณทรัพย์ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการเข้าถึงหรือเข้าใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลทะเบียนราษฎร์) ของ ร.ต.อ. ศิริวัฒน์ ต๊ะอาจ (พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์และบัตรประจำตัวประชาชนของณัฐพงศ์ไปเผยแพร่ ทำให้ได้รับความเสียหาย
- ณัฐพงศ์ พรรณทรัพย์ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบ ส.ต.อ. เกียรติพงศ์ ศรีสิงห์ (ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.อ. จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์และบัตรประจำตัวประชาชนของณัฐพงศ์ ไปเผยแพร่ ทำให้ได้รับความเสียหาย
- ณัฐพงศ์ พรรณทรัพย์ ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการเข้าถึงหรือเข้าใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลทะเบียนราษฎร์) ของ ส.ต.อ. ชัยชุมพล อัครวโรทัย (พนักงานสืบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566) โดยกล่าวหาว่ามีการนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์และบัตรประจำตัวประชาชนของณัฐพงศ์ไปเผยแพร่ ทำให้ได้รับความเสียหาย
- เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 พ.ต.อ. เขมรินทร์ พิศมัย (ผู้ต้องหาที่ 24) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท. ธนา ชูวงศ์ กับพวก รวม 244 คน เป็นจำเลย (กล่าวคือ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ตร. ที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2566) พร้อมด้วย พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ และ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 224/2566
ในฐานความผิดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เข้าข่ายขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน และดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหากับพวก ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหากับพวกได้อาศัยเหตุที่ได้มีการฟ้องร้องดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างในการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจที่เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนว่าเป็นคู่กรณีหรือคู่ขัดแย้ง พร้อมทั้งร้องขอให้มีการเปลี่ยนตัวคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ทั้งที่การดำเนินการของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นการดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มิใช่คู่ขัดแย้งซึ่งเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน
นอกจากนี้ พ.ต.อ. ภาคภูมิ พิศมัย (ผู้ต้องหาที่ 20) กับพวก รวม 8 คน ยังได้ร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ทั้งที่เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด และการให้คำแนะนำปรึกษาดังกล่าวก็เป็นไปเพื่อความละเอียดรอบคอบในการทำสำนวนการสอบสวนให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายและยังเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่กลุ่มผู้ต้องหา เหตุเพราะเป็นคดีที่มีการกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจกระทำความผิด
คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงได้เชิญหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเข้าร่วมให้คำแนะนำปรึกษาด้วย ซึ่งนอกจากพนักงานอัยการแล้ว ยังมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าร่วมด้วย การที่กลุ่มผู้ต้องหาร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการ พร้อมทั้งแนบภาพถ่ายในลักษณะเจตนาให้เข้าใจว่ามีผู้เฝ้าติดตาม และฟ้องร้องหรือร้องเรียนคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จึงน่าเชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหากระทำการด้วยเจตนาไม่สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนตนในทางคดี
เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งของพนักงานอัยการ ย่อมกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการและคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ทำให้การสอบสวนเพิ่มเติมเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะเหตุที่ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงและแก้ต่างคดี และการที่กลุ่มผู้ต้องหาบางรายซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย กลับนำความมาฟ้องหรือร้องเรียนคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับความผิดอาญาโดยรู้อยู่แล้วว่ามิได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้น
ทำให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกร้องหรือร้องเรียนดังกล่าวเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง มีมลทินมัวหมองเพราะต้องหาคดีอาญา และอาจเข้าข่ายเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา
ดังนั้นจึงขอให้ท่านได้อำนวยความยุติธรรม กำชับกำกับการพิจารณาวินิจฉัยสำนวนในชั้นพนักงานอัยการตามระเบียบกฎหมายมิให้เนิ่นช้า เพราะเป็นคดีสำคัญและเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและทำให้ความชอบธรรมปรากฏในคดีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเป็นข้าราชการตำรวจที่มีหน้าที่โดยตรงในการรักษาและบังคับใช้กฎหมาย แต่กลับถูกดำเนินคดีเป็นผู้ต้องหาเสียเอง
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเยียวยาความเสียหายต่อชื่อเสียงของบรรดาเจ้าพนักงานในการยุติธรรม เรียกความเชื่อมั่นศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม และเพื่อประโยชน์ของทางราชการและอำนวยความยุติธรรมให้บังเกิดต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ทางพนักงานอัยการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 ซึ่งเป็นคดีที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเปิดเว็บพนันออนไลน์ betfixroyal.com และสามารถจับกุม ธันยนันท์ หรือ มินนี่ หรือ ‘เครือข่ายมินนี่’ ผู้ต้องหาตามหมายจับกับพวกในช่วงปี 2566
สำหรับสำนวนที่อัยการรับมานั้นเป็นของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นทางคดีว่าสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน (เดิมผู้ต้องหามีทั้งหมด 60 กว่าคน) และใน 8 จาก 14 คนเป็นตำรวจ ซึ่งเป็นลูกน้องของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย
สำหรับรายชื่อทั้ง 14 คน ประกอบด้วย
- ณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1
- ธันยนันท์ สุจริตชินศรี ผู้ต้องหาที่ 2
- อรณี ทองอรุณ ผู้ต้องหาที่ 3
- พ.ต.ต. ชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาที่ 12
- ทักษพร พงษ์เหมวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 13
- กิตติชัช ปภัสโรบล ผู้ต้องหาที่ 14
- พ.ต.อ. ภาคภูมิ พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 20
- พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ ผู้ต้องหาที่ 21
- พ.ต.อ. อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผู้ต้องหาที่ 22
- พล.ต.ต. นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 23
- พ.ต.อ. เขมรินทร์ พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 24
- ส.ต.อ. ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้ต้องหาที่ 25
- ส.ต.อ. อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผู้ต้องหาที่ 26
- ภัสราวดี พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 61