วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวสถานการณ์ประจำวันกรณีโรค COVID-19 ในประเทศไทย ถึงผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่เสี่ยงต่อการติดโรคนี้ ระบุว่าตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มทำด่านกักกันโรคเหมือนกับที่อู่ฮั่น โดยผู้ที่ถูกตรวจพบว่ามีไข้จะถูกพาไปแยกตรวจ แยกเป็นผู้ป่วย PUI (Patients Under Investigated) แต่ถ้าไม่พบอาการของไข้ก็จะปล่อยให้กลับบ้านได้ โดยจะมีการเช็กประวัติเสมอ
“ที่สำคัญคือขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปทุกประเทศที่เสี่ยงต่อการติดโรค แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องไป และเกิดมีอาการไม่สบาย เป็นหวัด ซึ่งไม่จำเป็นต้องปล่อยให้มีอาการของปอดอักเสบ ควรจะเข้ารับการตรวจให้ละเอียด เพราะถ้ายิ่งรู้ตัวและรักษาเร็ว โอกาสที่จะหายก็มีมากขึ้นเช่นกัน
“ท่านใดก็ตามที่เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศที่เสี่ยงต่อการติดโรคย้อนหลังไป 14 วัน (นับจากวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ลบไป 14 วัน) ถ้าเป็นไข้ รู้สึกไม่สบาย เป็นหวัด ให้รีบเดินทางไปพบแพทย์ที่สถาบันบําราศนราดูรด่วน ส่วนคนที่มีไข้ มีประวัติเดินทางมาจากประเทศเสี่ยง ซึ่งไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นญี่ปุ่นหรือสิงคโปร์ เพราะแต่เดิมทางเราสังเกตว่าเป็นเพียงแค่อู่ฮั่น แต่ตอนนี้เข้าข่ายต้องสงสัยเกือบทั้งจีน มีต่อที่ฮ่องกงและไต้หวัน ดังนั้นเพื่อการป้องกันเราจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ
“ส่วนประชาชนที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง เพื่อความปลอดภัย เมื่ออยู่ในครอบครัวตัวเองก็อย่าสุงสิงกับใคร อาหารก็อย่ารับประทานร่วมกับคนอื่น ควรต้องแยกรับประทานเป็นการชั่วคราว และอย่าไปอยู่ในที่ชุมชนหรือชุมชนแออัด ถ้าทราบภายหลังว่าเป็นไข้ขึ้นมาจะลำบาก อย่างที่ได้บอกไปว่าแม้จะตรวจคน 100 คน พบโรคจริงแค่ 2% แต่เราก็ต้องทำเพื่อควบคุมโรคตั้งแต่ต้น” นพ.สุขุมกล่าว
ทั้งนี้สถานการณ์ภาพรวมโรค COVID-19 ในประเทศไทยวันนี้ พบผู้ป่วยเพิ่ม 1 ราย เป็นครอบครัวของผู้ป่วยชาวจีนที่เฝ้าระวังอาการมาก่อนหน้านี้ ทำให้ล่าสุดไทยพบผู้ป่วยสะสม 35 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 15 ราย ซึ่งอัตรารักษาหายอยู่ที่ 40% ถือเป็นประเทศที่มีอัตรารักษาหายสูงสุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์