“ก่อนไปแข่งก็ไปเก็บตัวและฝึกซ้อมอย่างหนักครับ ถึงแม้ว่าตอนแรกหวังไว้ว่าจะได้ที่ 1 แต่ก็ไม่เป็นไร ผมว่าทีมของเรามีจุดเด่นที่สู้ทีมอื่นๆ ได้ คือถึงเราจะตัวเล็กกว่า แต่เราเน้นเรื่องความว่องไว แล้วเราก็ใจสู้ด้วยครับ ตอนแข่งขันก็มีอุปสรรคนิดหน่อย อย่างผมบาดเจ็บแล้วก็โดนให้หยุดพัก แต่โค้ชก็ให้คำแนะนำและวางแผนอย่างดีครับ ผมรู้สึกว่า ความพยายามของผมทำให้ผมทำสำเร็จ”
ประโยคข้างต้นคือคำกล่าวและความรู้สึกที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ความพยายาม และความไม่ยอมแพ้ของ ด.ช.กอบชัย เจิมประดิษฐ์วงศ์ หรือน้องโฮจุน กัปตันทีมไทย เจ้าของรางวัล MVP (Most Valueble Player) หรือนักเตะทรงคุณค่าประจำทัวร์นาเมนต์ไมโล แชมเปียนส์ คัพ ซึ่งเป็นรางวัลที่จะมอบให้แก่นักเตะที่มีความเป็นผู้นำ มีความสามัคคี มีน้ำใจนักกีฬา และโชว์ทักษะการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ในรายการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกครั้งแรกของไมโลที่จัดขึ้น ณ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยนี่ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้เด็กไทยเติบโตสู่ความสำเร็จตามแนวคิดที่ทางไมโลยึดมั่นเสมอมา นั่นก็คือคำว่า ‘กีฬาคือครูชีวิต’
หนึ่งในความพิเศษของทัวร์นาเมนต์นี้คือ แต่ละทีมที่เข้าร่วมแข่งขันจะต้องมีนักกีฬาหญิงทั้งหมด 2 คน และต้องมี 1 คนที่อยู่ในสนามตลอดเวลา ทางไมโลก็ได้ส่งน้องๆ นักกีฬาตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประชันฝีเท้ากับตัวแทนนักเตะของประเทศอื่นที่มีอายุระหว่าง 8-12 ปี จากทั่วโลก อาทิ ศรีลังกา, มาเลเซีย, จาไมกา, โคลอมเบีย, ตรินิแดดและโตเบโก, ชิลี, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และประเทศจากทวีปแถบแอฟริกา โดยในส่วนของทีมไทยนั้น นอกจากน้องโฮจุนที่เป็นกัปตันทีมแล้ว สมาชิกในทีมยังประกอบไปด้วยเพื่อนนักกีฬาอีก 7 คน ได้แก่ ด.ญ.ณชนก โกศลศักดิ์สกุล (น้องข้าวปั้น), ด.ช.นฤกฤศ แสงสว่าง (น้องโอม), ด.ช.โธมัส จูเนียร์ ไท ชมิทท์ (น้องทีเจ), ด.ช.สิปปกร สีดำอ่อน (น้องแจ็ค), ด.ญ.มาติกา ท่าพริก (น้องตั้งใจ), ด.ช.ธนวัฒน์ โกพลรัตน์ (น้องเบ็น) และ ด.ช.พีรดา หล้าสวัสดิ์ (น้องพลาย)
โดยนอกจากจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์แล้ว พิเศษกว่านั้นคือ เด็กๆ ยังได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนทักษะฟุตบอลในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความคิดในสนาม ทักษะการเล่นเป็นทีม เทคนิคการเลี้ยงบอล การเตะบอลเร็ว การเคลื่อนไหว รวมถึงเรื่องของมุมมองในสนามอีกด้วย ทั้งหมดนี้ถูกจัดเตรียมไว้ในโปรแกรมของทางบาร์ซา อคาเดมี่ ณ สนามคัมป์นูของบาร์เซโลนา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก และมีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์สังกัดอยู่มากมาย อาทิ ลิโอเนล เมสซี, หลุยส์ ซัวเรซ, อองตวน กรีซมันน์ เป็นต้น
น้องๆ ทั้ง 8 คน คือนักกีฬาฟุตบอลผู้มีความฝันอย่างเดียวกัน ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ การก้าวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพและเฝ้าหวังถึงโอกาสที่จะได้รับใช้ทีมชาติไทยสักครั้งหนึ่งในชีวิต สำหรับการแข่งขันไมโล แชมเปียนส์ คัพครั้งนี้ ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้พวกเขาได้เริ่มต้นเดินตามเส้นทางความใฝ่ฝันของตัวเอง อีกทั้งผลการแข่งขันของทีมไทยในทัวร์นาเมนต์นี้ยังเป็นเครื่องช่วยยืนยันถึงทักษะความสามารถอันยอดเยี่ยมของน้องๆ ได้เป็นอย่างดี โดยพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้ 3 จาก 6 แมตช์ในวันแรก และไม่แพ้ใครเลยในวันที่สอง จากการแข่งขันทั้งหมด 3 แมตช์ จนสามารถทะลุเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศได้ในฐานะทีมจากทวีปเอเชียเพียงหนึ่งเดียว ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ทีมไทยได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ ประเทศในทวีปเอเชียอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ก่อนจะเข้าไปแพ้ให้กับตรินิแดดและโตเบโก และท้ายที่สุดก็สามารถจบทัวร์นาเมนต์พร้อมกับถ้วยรางวัลอันดับ 3 จากการเอาชนะทีมโคลอมเบียไปได้ด้วยสกอร์ 3 ต่อ 0
“ตอนที่รู้ว่าได้ที่ 3 ก็ภูมิใจมากค่ะ เพราะพวกเราทำเต็มที่แล้ว แม้ไม่ได้ที่ 1 แต่เราก็ได้ทักษะ ประสบการณ์ชีวิตจากการแข่งขัน แถมยังได้เพื่อนใหม่มาจากหลายประเทศเลยค่ะ จากที่หนูได้แข่งแล้วก็ดูคู่อื่นแข่งกัน นักเตะผู้หญิงจากประเทศอื่นเขาก็เก่งกันทุกคนเลยค่ะ ฝีมือดีมาก ดูรู้เลยว่า ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่หนูก็จะไม่ยอมแพ้ แล้วก็พัฒนาฝีมือต่อไปค่ะ”
น้องข้าวปั้น
“ผมก็ดีใจแล้วก็ภูมิใจมากๆ ครับ เพราะทีมจากประเทศอื่นๆ เขาก็เตรียมตัวกันมาดี แล้วก็แข็งแกร่งมาก ตอนแข่งผมมีบาดเจ็บบ้าง อย่างโดนเตะขาหรือโดนเหยียบนิ้ว แต่ผมก็ฮึดสู้แล้วเล่นต่อไปครับ การที่ได้ไปดูแมตช์การแข่งขันที่สนามบาร์เซโลนาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากจะเก่งขึ้นอีกครับ เพราะผมมีความฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ และเก่งแบบ แทร์ สเตเกิน นายทวารชื่อดังจากทีมบาร์เซโลนาครับ”
น้องโอม
“ทีมเราเป็นทีมเดียวจากเอเชียที่ได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศครับ และผลการแข่งขันของเราได้อันดับ 3 ผมรู้สึกดีใจมาก สิ่งที่นำชัยชนะมาให้ทีมเราก็คือ การวางแผนอย่างรอบคอบและทีมเวิร์กที่ดีครับ ถึงแม้จะเจอคู่แข่งที่เก่งขนาดไหนก็ไม่กลัว”
น้องทีเจ
“ตอนแข่ง ผมก็หวังว่าจะได้แชมป์ครับ แต่พอไปแข่งจริง เราเสียเปรียบชาติอื่น เพราะเราตัวเล็ก แต่เราก็มีความรวดเร็วแล้วก็ใจสู้ครับ ระหว่างที่ไปฝึกซ้อมและเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อนๆ ทีมอื่นเขาก็พาผมไปเที่ยวด้วย สนุกมากครับ การที่ได้มาบาร์ซาทำให้ผมมีกำลังใจแล้วก็ได้แรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง เพื่อที่จะเป็นนักบอลทีมชาติในอนาคตต่อไปครับ”
น้องแจ็ค
“ตอนแรกคิดว่าอาจจะแค่เข้ารอบ 4 ทีม แต่พอได้ถ้วยมาด้วยก็ภูมิใจมาก คิดว่าสิ่งที่ทำให้ได้ถ้วยอันดับ 3 มา เพราะความพยายาม แล้วทีมเราก็ยิงบอล เลี้ยงบอล ส่งบอลกันดีค่ะ ทำให้สู้กับทีมต่างชาติได้ สิ่งที่หนูชอบมากๆ คือการได้คุยกับเพื่อนต่างประเทศ เพราะเราได้สร้างมิตรภาพใหม่ แล้วก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วย ระหว่างการฝึกซ้อมก็มีไม่สบาย มีบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่ท้อค่ะ ตอนดูการแข่งคือ นักเตะผู้หญิงของประเทศอื่นก็เล่นดีมากค่ะ เขาครองบอลแล้วก็ยิงบอลเก่ง หนูจะเก็บข้อดีของทีมอื่นๆ แล้วก็ประสบการณ์จากการแข่งมาพัฒนาสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ จะซ้อมให้หนักขึ้น เพื่อความฝันในการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไปเล่นลีกต่างประเทศค่ะ อยากไปเล่นกับลิเวอร์พูล เพราะชอบซาลาห์มากเลยค่ะ”
น้องตั้งใจ
“ก่อนไปแข่งก็เตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจครับ แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะได้แชมป์ พอรู้ว่าได้ที่ 3 ก็แฮปปี้มาก ภูมิใจมาก ตอนที่อยู่สเปนก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน เพราะต้องตื่น 6-7 โมงเช้า เพื่อมาซ้อมครับ ผมคิดว่า จาเมกาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมาก เพราะเขาเล่นเก่ง แต่ผมก็ไม่กลัว เพราะจุดแข็งของผมคือการเลี้ยงลูก ผมจะเก็บเอาจุดเด่นของแต่ละทีมมาพัฒนาฝีมือและฝึกซ้อมต่อไปครับ โตไปจะได้เป็นนักฟุตบอลทีมชาติ แล้วก็เล่นเก่งแบบโรนัลโด”
น้องเบ็น
“รู้สึกภูมิใจและตื่นเต้นมากครับที่ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนเด็กไทยไปแข่งฟุตบอล ไมโล แชมเปียนส์ คัพ ร่วมกับนักเตะอีก 12 ประเทศ และมีโอกาสฝึกทักษะฟุตบอลกับสโมสรบาร์เซโลนา ผมชอบ ลิโอเนล เมสซี เขาเป็นนักบอลที่ถนัดซ้าย วิ่งเร็ว และคล่องแคล่ว ซึ่งผมเองก็ถนัดซ้ายเหมือนกันครับ ผมขอบคุณไมโลมากครับที่สนับสนุนโอกาสดีๆ แบบนี้ ผมจะนำประสบการณ์ในครั้งนี้มาพัฒนาทักษะการเล่นของตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้นต่อไปครับ”
น้องพลาย
ความประทับใจหลังการแข่งขันของน้องๆ ที่กล่าวออกมา ทำให้เรารู้สึกและสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่น ความพยายาม รวมถึงความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับตัว ภาษา อาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องรูปร่างที่เด็กไทยเราจะตัวเล็กกว่าเด็กต่างชาติ แต่น้องๆ ทีมไทยที่มีหัวใจนักสู้ก็ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นข้อเสียเปรียบในการแข่งขันแต่อย่างใด พวกเขากลับใช้มันเป็นแรงผลักดัน เพื่อบอกตัวเองว่า ต้องพยายามมากขึ้น ต้องเล่นให้เต็มที่ ต้องมีทีมเวิร์ก และมีสปิริต จนท้ายที่สุดก็สามารถฟันฝ่าคู่แข่งจากการแข่งขันคว้าอันดับที่ 3 กลับบ้านมาด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมทั้งสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ นอกจากนี้เรื่องราวของน้องๆ ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนไทยรุ่นต่อไปได้มุ่งมั่นฝึกฝนและเล่นกีฬาจนประสบความสำเร็จในระดับโลกอีกด้วย
เรื่องของ ‘รางวัล’ แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แม้น้องๆ จะไม่ได้เป็นแชมป์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวพวกเขาลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว การได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการดีๆ แบบนี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งที่เด็กๆ ทั้ง 8 คน ได้รับกลับมา มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าคำว่าแชมป์มากมายนัก ประสบการณ์ชีวิตอันแสนล้ำค่าที่ได้จากการแข่งขันฟุตบอลในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกอย่าง ไมโล แชมเปียนส์ คัพ และการได้ออกไปเปิดโลกทัศน์แบบนี้นี่แหละ คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยหล่อหลอมให้ตัวน้องๆ เติบโตขึ้นไปเป็นนักกีฬาที่ดีในอนาคต เป็น ‘แชมเปียนส์’ ในการแข่งขันสนามจริงที่เรียกว่าชีวิต
กีฬาไม่ว่าจะประเภทไหนก็แล้วแต่ เปรียบเสมือน ‘ครูของชีวิต’ ที่คอยสอนให้พวกเรารู้จักกับคำว่าสปิริต รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคอะไรง่ายๆ ที่สำคัญคือ เราสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน เพื่อต่อยอดไปสู่ความสำเร็จอื่นๆ ได้อย่างมีคุณภาพ
การแข่งขันในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กไทยอีกหลายๆ คนทั่วประเทศ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้เกิดความกล้า ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เพื่อทำให้ความฝันของตัวเองเขยิบเข้าใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น