Microsoft ประเทศไทยเพิ่งย้ายสำนักงานแห่งใหม่ในรอบ 20 ปีจาก All Seasons Place มายังโครงการ One Bangkok พร้อมกับลดพื้นที่ขนาดเช่าจาก 2 ชั้นเหลือแค่ 1 ชั้น
โดยภายในออฟฟิศแห่งใหม่นี้ได้ผสานโลกดิจิทัลเข้ากับเอกลักษณ์ความเป็นไทยทั้งลวดลาย วัสดุ และของตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น ลายดอกราชพฤกษ์ ปลากัด ปลาตะเพียน รวมถึงภาพหนุมานที่ประกอบขึ้นจากตัวอักษรและตัวเลขไทย
“เราไม่ได้ลดพื้นที่เช่าลงเพราะต้องการลดต้นทุน” ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ
พื้นที่ที่หายไปกว่า 50% นั้นเกิดจากการเก็บข้อมูลแล้วพบว่า ด้วยการทำงานแบบไฮบริดที่เข้าออฟฟิศ 3 วันและทำงานจากที่บ้าน 2 วันโดยให้เลือกได้ตามอิสระ (สามารถทำงานจากที่บ้านมากกว่านี้ได้แต่ต้องคุยกับหัวหน้างานโดยตรง) ทำให้แต่ละวันนั้นมีพนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศแค่ 30% เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ พื้นที่เดิมจึงมีขนาดที่ใหญ่เกินไป ดังนั้นจึงต้องลดลง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ใหม่นั้นไม่ได้จัดโต๊ะแบบนั่งประจำ แต่จะเป็น First come, first served หรือมาก่อนได้นั่งก่อน
“ในมุมมองของผมอยากให้พนักงานเข้ามาในออฟฟิศให้มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 50%” ธนวัฒน์กล่าวพร้อมอธิบายว่า ที่เป็นอย่างนั้นเพราะวัฒนธรรมขององค์กรไม่สามารถสร้างผ่านออนไลน์ได้ การได้พบหน้ากันจึงจะสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้ดีกว่า
ธนวัฒน์ยังได้กล่าวถึงความท้าทายของพนักงานในยุคที่ AI กำลังบูมและ Microsoft เองก็มีการนำ AI มาปรับใช้ในการทำงานว่า สิ่งสำคัญคือการ Upskill และ Reskill ให้กับพนักงานเพื่อพร้อมรับกับเรื่องใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา
ขณะเดียวกัน การนำ AI มาใช้ร่วมกับการทำงานก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ในทางกลับกันนี่ถือเป็นส่วนที่ดีเพราะจะช่วยเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยซ้ำ ซึ่ง Microsoft มีออกแบบและพัฒนาเครื่องมือ และผู้ช่วย AI ให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกมากขึ้น
อาทิ Microsoft Teams และ Microsoft 365 มาพร้อมกับ AI agents ที่มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยสนับสนุนพนักงาน
ทั้งนี้ จากการศึกษาของ Microsoft ที่ได้สำรวจองค์กรชั้นนำใน 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐอเมริกา บราซิล และเม็กซิโก พบว่าการทำงานในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ส่งผลให้ความหมายของ ‘ประสิทธิภาพ’ และ ‘ความสำเร็จ’ เปลี่ยนแปลงไปด้วย
แม้เป้าหมายด้านยอดขายและผลกำไรจะยังคงมีความสำคัญต่อธุรกิจ แต่หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น ประสิทธิภาพการทำงาน การทำงานเป็นทีม การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน และวัฒนธรรมองค์กร
จากผลสำรวจยังพบอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางประสิทธิภาพในการทำงาน ได้แก่ รูปแบบวัฒนธรรมองค์กร ภาระงานที่มากเกินไป และขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน รวมถึงความยากลำบากในการระบุทักษะและพัฒนาพนักงานอย่างเหมาะสม
“เราตั้งใจให้ออฟฟิศใหม่ของเราเป็นสถานที่ที่ส่งเสริมให้คนกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงความคิดเห็น โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับคนไทย องค์กรธุรกิจ และประเทศไทย ให้ก้าวไปสู่อนาคตในโลกยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน” ธนวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย