×

ก้าวไกลยื่นกฎหมายนิรโทษกรรมคดีจากเหตุจูงใจทางการเมือง นับแต่ชุมนุมพันธมิตรฯ 11 ก.พ. 49 ถึงปัจจุบัน ตั้งกรรมการวินิจฉัยคนเข้าเงื่อนไข เว้น ม.113 และเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินเหตุ

โดย THE STANDARD TEAM
05.10.2023
  • LOADING...

วันนี้ (5 ตุลาคม) ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรค ยื่นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. …. ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

ชัยธวัชกล่าวว่า วันนี้พรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ สำหรับสาเหตุที่ยื่นร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้ออย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งลุกลามบานปลายจนเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต่อมามีการรัฐประหารซ้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. 

 

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรฯ มาจนถึงปัจจุบัน มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าไปมีส่วนร่วมในการชุมนุมหรือการแสดงออกในทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ และมีพี่น้องประชาชนนับหลายพันคนถูกดำเนินคดี ตั้งแต่คดีเล็กน้อยไปจนถึงคดีข้อกล่าวหาร้ายแรงเป็นคดีความมั่นคง การดำเนินคดีดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีท่าทีที่จะยุติการดำเนินคดีแต่อย่างใด คดีที่ได้มีการกล่าวหาไปแล้วหลายคดียังมีผลสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 

 

สถานการณ์ดังกล่าวพรรคก้าวไกลเห็นว่า ทำให้เป็นการยากที่สังคมไทยจะเข้าสู่ภาวะปกติสุข เกิดความสามัคคีในสังคม เพราะว่าประชาชนจำนวนมากถูกดำเนินคดี ประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมมีความเห็นว่ารัฐไม่มีความเคารพการเห็นต่างทางการเมือง ไม่เคารพต่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ พรรคก้าวไกลเห็นว่าเพื่อให้สังคมไทยกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ เราจำเป็นต้องยุติการใช้นิติสงครามต่อประชาชน ให้ประชาชนที่เคยแสดงออกทางการเมืองโดยมีเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้ลดผลจากการถูกดำเนินคดี การนิรโทษกรรมจึงเป็นหนทางที่จะถอนฟืนออกจากกองไฟยุตินิติสงคราม เพื่อเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นทางการสร้างความยุติธรรมและความปรองดองที่ยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป 

 

สำหรับเนื้อหาสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีดังนี้

 

​​1. กำหนดให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่ผู้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง ตลอดจนการกระทำทางกายภาพหรือการแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เป็นความผิดตามกฎหมาย ช่วงเวลาที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 คือนับตั้งแต่วันแรกของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนถึงวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ หากการกระทำดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดกับพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ 

 

​​2. การนิรโทษกรรมจะไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม หากเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ตลอดจนจะไม่นิรโทษกรรมการกระทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113

 

​​3. กลไกในการนิรโทษกรรมจะกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม คณะกรรมการชุดนี้ในร่างของพรรคก้าวไกลเสนอให้มีจำนวน 9 คน ซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้แต่งตั้ง องค์ประกอบมาจาก

 

  • ประธานสภาผู้แทนราษฎร
  • ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร 
  • บุคคลที่ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรี 1 คน 
  • บุคคลที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกอีก 2 คน  
  • องค์ประกอบที่มาจากผู้พิพากษาหรืออดีตผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม 1 คน 
  • ตุลาการหรืออดีตตุลาการศาลปกครอง 1 คน
  • พนักงานอัยการหรืออดีตพนักงานอัยการ  1 คน
  • เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

 

​​4. กำหนดสิทธิ์ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรือจะเดือดร้อนหรือเสียหาย โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากระเบียบประกาศ คำสั่ง คำวินิจฉัย หรือมติ หรือการกระทำของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำผิดเพื่อการนิรโทษกรรมตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย คือมีสิทธิ์ที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้

 

“​​พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในครั้งนี้ มุ่งหวังให้เป็นกฎหมายสำคัญสำหรับการคืนชีวิตใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนที่โดนนิติสงคราม หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง หรือแสดงออกทางการเมืองใดๆ แล้วได้รับและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งพี่น้องประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของตัวเองในการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ ได้รับการกระทบกระเทือนและได้รับการละเมิด”

 

ชัยธวัชกล่าวทิ้งท้ายว่า การนิรโทษกรรมนี้เป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ หากพรรคการเมืองต่างๆ มีเจตจำนงร่วมกันที่จะผลักดัน และหากเราพิจารณาให้ดีจะพบว่าพรรคการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา ก็มิได้ปฏิเสธการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแต่อย่างใด หลังจากนี้พรรคก้าวไกลจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับพรรคการเมืองทุกฝ่าย รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกสี ที่เคยมีความขัดแย้งกันในอดีตให้สำเร็จเกิดขึ้นได้ 

 

“เราเชื่อว่าแม้ประชาชนจะไม่มีความคิดเห็นทางการเมืองอันเดียวกันทั้งหมด แต่เชื่อว่าประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ต่างมาแสดงออกทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน โดยพื้นฐานที่ตนเองอยากผลักดันให้สังคมเป็นสังคมที่ดีตามความคิดความเชื่อของตน ดังนั้น เราเชื่อว่าการยุติการต่อสู้ การยุติการดำเนินคดี การยุตินิติสงครามกับประชาชนไม่ว่ากับประชาชนฝ่ายใด จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนทุกฝ่ายได้ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยโดยสันติ หันหน้าเข้าหากันเพื่อแสวงหาฉันทมติครั้งใหม่ที่สังคมไทยยอมรับ เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ในอนาคต”

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising