เม็กซิโกเลือกตั้งผู้นำครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยผู้สมัครตัวเต็งที่มีโอกาสนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศต่างเป็นผู้หญิงทั้งคู่ นั่นคือ เคลาเดีย ไชน์บัม (Claudia Sheinbaum) ผู้สมัครจากพรรค morena และ โซชิตล์ กัลเบซ (Xóchitl Gálvez) อดีตสมาชิกวุฒิสภา ผู้สมัครจากพรรค PAN โดยทั้งคู่ต่างมั่นใจว่าตนเองจะคว้าชัยและร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเม็กซิโก โดยทั้งสองพรรคต่างอ้างชัยชนะในครั้งนี้
ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการชี้ว่าไชน์บัมมีคะแนนเสียงนำกัลเบซอยู่ในขณะนี้ โดยไชน์บัมมีโอกาสสูงมากที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้และเตรียมก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก
เคลาเดีย ไชน์บัม คือใคร
ไชน์บัม วัย 61 ปี เป็นอดีตผู้ว่าการเม็กซิโกซิตี และเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ เธอประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำงานด้านวิชาการ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เธอทำงานให้กับคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) จนองค์กรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2007
เธอได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรคนสำคัญของ อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ อดีตประธานาธิบดีเม็กซิโกคนก่อนหน้าที่เพิ่งก้าวลงจากตำแหน่ง
ชัยชนะของไชน์บัมถือเป็นก้าวสำคัญของเม็กซิโก ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรม ‘ชายเป็นใหญ่’ หากเธอชนะการเลือกตั้ง เธอจะนั่งเก้าอี้ผู้นำเม็กซิโกอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งนาน 6 ปี
การเลือกตั้งนองเลือด
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่รุนแรงและนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเม็กซิโก หลังจากที่มีรายงานว่าผู้สมัครทางการเมืองในตำแหน่งต่างๆ อย่างน้อย 38 คน เสียชีวิตนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2023 และมีผู้สมัครจำนวนไม่น้อยตัดสินใจถอนตัว เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังกลุ่มอิทธิพลและแก๊งอาชญากรในเม็กซิโกพยายามที่จะมีเข้ามามีอำนาจและอิทธิพลเหนือนักการเมือง
สถาบันการเลือกตั้งแห่งชาติ (INE) เผยว่า หลายหน่วยเลือกตั้งทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโกต้องระงับการลงคะแนนเสียงชั่วคราว เนื่องจากเกิดเหตุความรุนแรงและก่อความไม่สงบ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คนที่หน่วยเลือกตั้งในรัฐปวยบลา
โดยการรับมือกับกลุ่มอิทธิพลและแก๊งอาชญากรทั้งหลายในเม็กซิโกจะเป็นหนึ่งในภารกิจสุดท้าทายของประธานาธิบดีเม็กซิโกคนใหม่ ที่จะต้องเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชน
สถิติน่ากังวลของเม็กซิโก
ถึงแม้ว่าเม็กซิโกกำลังจะมีประธานาธิบดีหญิงคนแรกอย่างเป็นทางการ ก่อนประเทศเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งอนุญาตให้พลเมืองหญิงของตนมีสิทธิเลือกตั้ง (Universal Suffrage) ได้ก่อนเม็กซิโกถึง 33 ปี แต่อย่างไรก็ตามเม็กซิโกก็ยังเป็นประเทศที่ผู้หญิงตกเป็นเป้าของการใช้ความรุนแรง และมีอัตราการสังหารผู้หญิงสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคนี้
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตด้านความมั่นคงในเม็กซิโก โดยอัตราการก่ออาชญากรรมและการฆาตกรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีครึ่งของอดีตประธานาธิบดีโอบราดอร์ ที่มีการบันทึกว่าเกิดเหตุฆาตกรรมมากถึง 160,594 คน ซึ่งมากกว่ารัฐบาลเม็กซิโกชุดก่อนหน้านี้อย่างมาก
สเตฟานี บริวเวอร์ ผู้อำนวยการด้านเม็กซิโกที่ Washington Office on Latin America (WOLA) ระบุว่า อาชญากรรมกว่า 9 ใน 10 ที่เกิดขึ้นกับประชาชนในเม็กซิโกมักจะไม่ได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ไว้ใจและไม่เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบกับมีช่องโหว่ในการสืบสวนและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
นอกจากประเด็นปัญหาด้านอาชญากรรมภายในประเทศแล้ว วิกฤตผู้อพยพก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สั่นคลอนความมั่นคงของเม็กซิโกไม่น้อย โดยสถาบันการย้ายถิ่นฐานแห่งชาติระบุว่า จำนวนผู้อพยพที่ไหลทะลักเข้ามายังเม็กซิโกเพิ่มขึ้นถึง 77% เมื่อเทียบกับปี 2022
โดยสหรัฐฯ กำลังเฝ้าติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโกอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เม็กซิโกเป็นพันธมิตรที่สำคัญในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การค้าการลงทุน การปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด ไปจนถึงการจัดการกับวิกฤตการย้ายถิ่นฐาน โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณพรมแดนของทั้งสองประเทศ
ภาพ: Daniel Becerril / Reusters, Quetzalli Nicte-Ha / Reusters
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/americas/live-news/mexico-presidential-election-results-06-02-24/index.html
- https://www.reuters.com/world/americas/mexicans-vote-election-seen-crowning-first-female-president-2024-06-02/
- https://www.aljazeera.com/news/liveblog/2024/6/3/mexico-election-2024-results-live-will-sheinbaum-win-the-presidency