×

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก การเดิมพันกับ ‘แว่นตา’ และ ‘โลกเสมือนจริง’ ที่ยังไม่รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า?

19.04.2022
  • LOADING...
แว่นตา AR

‘Meta’ หรือ Facebook กำลังเร่งผลิตแว่นตา AR ให้ทันปี 2024 แต่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ แม้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ตั้งความหวังไว้สูงลิ่วสำหรับแว่นตาอัจฉริยะ หากแต่ความสำเร็จของเทคโนโลยีนั้นอยู่ไกลกว่ามาก

 

ในช่วงการนำเสนอในงาน Meta การสาธิตการเล่นหมากรุกกับอวตารของบุคคลอื่นนั้น ไม่ได้มีพื้นฐานจากฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้ได้ในปัจจุบันใดๆ เลย ทั้งยังไม่มีตัวต้นแบบที่ใช้งานได้ และใส่ได้ตามที่วางแผนไว้ แต่เป็นการสาธิตแบบ ‘นั่งๆ อยู่บนโต๊ะ’

 

ซักเคอร์เบิร์กยังมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานสำหรับแว่นตาล้ำสมัยว่า สามารถเป็นจริงได้ผ่านการเร่งผลิตและส่งมอบแว่นตารุ่นแรกให้ทันภายในปี 2024 และเริ่มพัฒนาดีไซน์ใหม่ที่เบากว่า และล้ำหน้ากว่าให้เห็นภายในปี 2026 ตามด้วยรุ่นที่ 3 ในปี 2028

 

จากรายงานของ The Verge เกิดจากการพูดคุยกับกลุ่มคนที่มีความ ‘คุ้นเคย’ กับแผนงานดังกล่าว ขณะที่โฆษกของ Meta เลือกจะปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้

 

การสร้างแว่นตาภาพเคลื่อนไหวและการรีแบรนด์สู่ชื่อ Meta เป็นความต้องการของมาร์ก เพื่อที่จะผลักดันบริษัทของตนให้กลับไปเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกครั้ง เนื่องจากชื่อเสียงด้านลบจากเหตุการณ์อื้อฉาวในอดีตเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและการกรองเนื้อหา

 

หากแว่นตา AR และเทคโนโลยีอื่นๆ ของ Meta ประสบความสำเร็จจะส่งผลด้านภาพลักษณ์ที่ดีทั้งตัวบริษัทและมาร์ก

 

“อีโก้ของมาร์กเกี่ยวพันกับแว่นนั่น” อดีตพนักงานในโปรเจกต์กล่าว “เขาอยากให้แว่นดังเปรี้ยงเหมือนช่วงเวลาที่ iPhone เคยทำได้”

 

มาร์กยังมองว่าแว่นตา AR ภายใต้ชื่อโปรเจกต์ Nazare เป็นอีกทางที่จะออกจากเงื้อมมือของ Apple และ Google ที่ร่วมกันกำหนดเงื่อนไขที่ทำให้ Facebook ต้องปฏิบัติตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

 

เวอร์ชันแรกของ Nazare ออกแบบให้ทำงานแยกจากสมาร์ทโฟน โดยใช้เครื่องมือไร้สายที่รูปร่างเหมือนโทรศัพท์เป็นตัวช่วยในการทำงานของแว่นแทน

 

แม้ว่า Meta จะใช้เงินหลายพันล้านในการพัฒนาแว่นตา AR อยู่แล้ว แต่ภายในก็มีความคาดหวังต่อยอดขายเวอร์ชันแรกไม่สูงนัก เพราะมุ่งเป้าไปที่ Early Adopters และนักพัฒนาเป็นส่วนมาก

 

ทางด้านราคานั้นยังไม่ได้กำหนด แต่จะแพงกว่า Quest VR (299 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10,000 บาท) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขององค์กรก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน เนื่องจากราคาวัสดุที่สูง

 

มาร์กยืนยันว่า Nazare เวอร์ชันแรกจะมอบประสบการณ์ AR เต็มรูปแบบด้วยกราฟิก 3 มิติ มุมมองที่กว้างไกล และการออกแบบที่เข้ากับสังคมปัจจุบัน ดีไซน์คล้ายกับแว่นดำของ Superman ตอนปลอมตัว มีน้ำหนัก 100 กรัม โดยหนักกว่าแว่นปกติ 4 เท่า

 

เนื่องจากการมีส่วนร่วมของมาร์กที่มีต่อ Nazare ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่งผลให้โปรเจกต์นี้มีความสำคัญมากขึ้น ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพนักงานชัดเจนขึ้น โดยหลังจากที่หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ออกแบบ และซอฟต์แวร์ลาออกไป มาร์กได้ทำการวางผู้นำที่อยู่กับบริษัทมาเป็นเวลานานในตำแหน่งที่สำคัญของโปรเจกต์เป็นการทดแทน

 

ทั้งนี้ ในอนาคตของแว่นตาอัจฉริยะ และโปรเจกต์ Nazare ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีประโยชน์ หรือใช้ได้ทุกที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหรือไม่ เพราะผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันจาก Microsoft หรือ Snap ยังห่างไกลจากการที่เห็นผู้คนหยิบมาใช้งาน 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising