Meta ประกาศยกเลิกโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบุคคลที่สาม (Third-Party Fact-Checking Program) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ โดยจะเปลี่ยนไปใช้ระบบ Community Notes คล้ายกับ X แทน ระบบใหม่นี้จะให้ผู้ใช้เป็นผู้เขียนและให้คะแนนเพื่อเพิ่มบริบทให้กับเนื้อหา โดยจะเริ่มทดลองใช้ในสหรัฐอเมริกาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องกลับมาทบทวนนโยบาย โดยเฉพาะในด้านเสรีภาพการแสดงออก เขาระบุว่า ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ผ่านมามีอคติทางการเมืองและสร้างความไม่ไว้วางใจมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ
ทั้งนี้ Meta เริ่มใช้ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2016 หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และร่วมมือกับองค์กรกว่า 100 แห่งใน 60 ภาษา เพื่อต่อสู้กับข่าวปลอม
ความสัมพันธ์ระหว่างซักเคอร์เบิร์กกับทรัมป์ไม่ราบรื่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์จลาจลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่ Meta ต้องระงับบัญชีของทรัมป์เป็นเวลา 2 ปี
อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 ทรัมป์ได้กลับมาใช้ Facebook และ Instagram อีกครั้ง ก่อนที่ Meta จะยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดในเดือนกรกฎาคม ล่าสุดซักเคอร์เบิร์กประกาศว่า จะร่วมมือกับทรัมป์ เพื่อต่อต้านการเซ็นเซอร์จากรัฐบาลทั่วโลก
นอกจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายแล้ว Meta ยังวางแผนลดความซับซ้อนของกฎระเบียบต่างๆ และตัดสินใจย้ายทีมความปลอดภัยจากรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีประชากรส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเดโมแครต ไปยังรัฐเท็กซัสที่ประชากรส่วนใหญ่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน พร้อมทั้งแต่งตั้ง ดานา ไวต์ ซีอีโอของ UFC และเพื่อนเก่าของทรัมป์ เข้าร่วมคณะกรรมการบริษัท
โจเอล แคปแลน หัวหน้าฝ่ายนโยบายระดับโลกของ Meta และอดีตรองหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวสมัย จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดี กล่าวว่า บริษัทเห็นว่าระบบ Community Notes บน X ได้ผลดี และต้องการให้การแสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มของ Meta เป็นไปอย่างเสรีเช่นเดียวกับการพูดในทีวีหรือสภาคองเกรส
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สร้างความตกใจให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ แดน อีวอน จาก RumorGuard วิจารณ์ว่า การยกเลิกโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่เพียงทำลายเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ยังเป็นการสนับสนุนความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความลำเอียงทางการเมือง ด้าน จัสมิน เอ็นเบิร์ก นักวิเคราะห์จาก EMARKETER มองว่านี่เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่ Meta ใช้ เพื่อเอาใจรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามา
ปัจจุบัน Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้มากที่สุดในสหรัฐฯ รองจาก YouTube โดยมีผู้ใหญ่ชาวอเมริกันใช้งานประมาณ 68% แม้ว่าวัยรุ่นจะเริ่มละทิ้งแพลตฟอร์มนี้ โดยเหลือผู้ใช้เพียง 32% ในการสำรวจปี 2024
ถึงการควบคุมเนื้อหาแบบใหม่อาจทำให้ Meta สูญเสียผู้ลงโฆษณาบางราย แต่ด้วยขนาดองค์กรที่ใหญ่และแพลตฟอร์มโฆษณาที่แข็งแกร่ง Meta น่าจะรับมือได้ดีกว่า X อย่างไรก็ตาม หากการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ลดลงมากก็อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจโฆษณาได้
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2025/01/07/meta-eliminates-third-party-fact-checking-moves-to-community-notes.html
- https://www.reuters.com/technology/meta-ends-third-party-fact-checking-program-adopts-x-like-community-notes-model-2025-01-07/
- https://apnews.com/article/meta-facts-trump-musk-community-notes-413b8495939a058ff2d25fd23f2e0f43