“ตอนแรกผมคิดว่า Quest นั้นดีกว่า Vision Pro ในแง่ราคาที่มีความคุ้มค่ากว่า เพราะของเรามีราคาถูกกว่าถึง 7 เท่าตัว แต่หลังจากที่ผมได้ลองสวมใส่เฮดเซ็ตของ Apple แล้ว ผมได้คำตอบที่ชัดเจนทันทีเลยว่า Quest คือผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าอย่างเป็นเอกฉันท์” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ Meta กล่าว
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ชายที่น่าจะมีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุดคนหนึ่งในสังเวียนแว่นตาอัจฉริยะหาก Vision Pro ประสบความสำเร็จอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาโพสต์วิดีโอในบัญชีอินสตาแกรมของตัวเองที่พูดแชร์ความเห็นของเขาหลังจากที่เจ้าตัวได้ทดลอง Apple Vision Pro เสร็จแล้ว
ในวิดีโอที่ถูกถ่ายด้วยกล้องของ Quest ภายในห้องนั่งเล่นของมาร์ก เขากล่าวถึงประเด็นสำคัญว่า “Quest มีน้ำหนักเบากว่า Apple Vision Pro ถึง 120 กรัม ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายกว่าในกรณีที่ต้องสวมใส่เป็นเวลานาน แถมผลิตภัณฑ์ของเรายังไม่จำเป็นต้องมีสายเสียบติดอยู่กับตัวเครื่องตลอดเวลา จึงทำให้ Quest คล่องตัวมากกว่า”
View this post on Instagram
นอกจากนี้มาร์กยังบอกด้วยว่า การแสดงผลของภาพเมื่อสวมใส่ Quest นั้นคมชัดกว่า Vision Pro ที่ยังมีความเบลออยู่ โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้งานมีการเคลื่อนไหว พร้อมทั้งยืนยันว่าจากประสบการณ์ของตัวเขาเอง แม้ทั้ง 2 เฮดเซ็ตจะรองรับระบบการควบคุมด้วยมือ แต่เขาคิดว่าระบบบน Quest มีประสิทธิภาพดีกว่า
มากไปกว่านั้น Quest มีตัวเลือกคอนเทนต์ที่หลากหลายกว่า เนื่องจากเครือข่ายพาร์ตเนอร์ที่กว้างและครอบคลุมกว่า โดยหากใครต้องการจะเล่นเกม Xbox หรือดู YouTube บนหน้าจอขนาดใหญ่ได้ทุกที่ที่เดินทางไป ณ ตอนนี้มีแค่ Quest เจ้าเดียวเท่านั้นที่รองรับฟังก์ชันพวกนี้ได้
“เมื่อผมมองสำรวจไปรอบตัว ผมค่อนข้างประหลาดใจว่าหลายคนคิดทึกทักเอาเองว่า Vision Pro คือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีกว่าเพียงเพราะมันราคาแพงกว่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเพราะมันเป็นสิ่งที่ผลิตโดย Apple Inc. แต่ผมขอพูดตรงๆ นะว่า Quest ทำได้ดีกว่ามากๆ ในหลายด้าน”
แน่นอนว่าคำพูดแนวนี้ของซีอีโอ Meta อาจทำเอาสาวก Apple บางคนถึงกับต้องกำหมัด แต่ตัวมาร์กก็ไม่หวั่น พร้อมทั้งน้อมรับว่า “ผมเข้าใจนะว่าสิ่งที่ผมพูดน่าจะทำให้แฟนบอยของ Apple บางคนจะลมออกหู เมื่อความเป็นผู้นำของ Apple ถูกตั้งคำถาม”
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวที่ว่า Vision Pro มีแอปให้ใช้งานน้อยกว่าก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนในอนาคตเช่นกัน เมื่อ Apple ทำข้อตกลงกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ ได้ลงตัว
ในช่วงหลัง มาร์กกล่าวปิดท้ายวิดีโอที่ให้อารมณ์เหมือนการพร้อมเปิดศึกการแข่งขันในสังเวียนแว่น VR ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการกับ Apple ว่า “ในทุกยุคของคอมพิวเตอร์นั้นจะมีโมเดลทั้งแบบเปิดและปิด สำหรับในฝั่งสมาร์ทโฟนผมยอมรับว่าโมเดลแบบปิดเป็นผู้ชนะ แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะถ้าเราย้อนกลับไปในยุค PC โมเดลเปิดของ Microsoft คือผู้ชนะ ซึ่งในยุคต่อไป Meta จะเป็นโมเดลเปิด ซึ่งผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่าโมเดลเปิดจะขึ้นมาเป็นผู้ชนะ”
ภาพ: Reuters, Chesnot / Getty Images
อ้างอิง:
