เบนซ์ส่งแบรนด์น้องใหม่ Mercedes-Benz EQB 250 AMG ราคาเริ่มต้น 3.02 ล้านบาท รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย พร้อมเผยแผนธุรกิจปี 2566 ผ่านวิสัยทัศน์ ‘Ambition to Lead’ ปั๊มพอร์ต EV ตั้งเป้าเติบโตสองหลัก
วันนี้ (13 มีนาคม) มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหารคนใหม่ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปีนี้ได้วางวิสัยทัศน์ Ambition to Lead สะท้อนผ่านแผนการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) สู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2582 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืนของประเทศไทยที่ตั้งเป้าหมายเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 รวมถึงนโยบาย 30@30 ของบอร์ด EV ที่จะขยายสัดส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศให้เป็น 30% ภายในปี 2572 ตั้งเป้าให้รถทุกรุ่นที่อยู่ในพอร์ตเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายในปี 2572 ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- พร้อมกันหรือยัง? ‘Great Wall Motor’ เตรียมเปิดตัว ORA Grand Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ครั้งแรกในไทย
- ‘NETA’ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ส่ง ‘NETA S’ บุกไทย เปิดโฉมครั้งแรกในงาน Motor Expo 2022
- ‘VinFast’ จับมือ ‘Autonomy’ จัดหารถยนต์ไฟฟ้า 2,500 คันป้อนตลาดสหรัฐฯ
ซึ่งสิ่งสำคัญในการทำให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนคือ การนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) ให้กับผู้บริโภคในระดับโลก ได้นำเสนอ VISION EQXX รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผ่านการทดสอบการขับขี่ในสภาพแวดล้อมจริงด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มเพียงหนึ่งครั้ง
สำหรับไฮไลสำคัญของปีนี้คือ การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ลงตลาดประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มด้วย EQB 250 AMG Line รถ SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่งที่ผสานความหรูหราและความสะดวกสบายในทุกมิติ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ไร้มลพิษ (Zero-Emission) มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูง วิ่งได้ไกลถึง 460 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP โดยผลิตและเป็นการนำเข้าแบบ CBU ทั้งหมด พร้อมเปิดราคาจำหน่ายที่ 3,020,000 บาท และคาดว่าจะส่งมอบได้ภายในครึ่งปีแรก ซึ่งพร้อมโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44
โดยบริษัทตั้งเป้าปีนี้จะมียอดขายในประเทศไทยเติบโต Double-Digit ทั้งหมด 8 รุ่น โดยหนึ่งในนั้นคือรุ่น EQB 250 AMG Line ที่เปิดตัววันนี้
ความพิเศษของรุ่นนี้คือ แหล่งพลังงานใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบแรงดันสูง (High-Voltage) มีความจุแบตเตอรี่ 66.5 kWh สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP
สำหรับการชาร์จไฟฟ้า EQB รองรับการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 32 นาที และรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในระยะเวลา 6 ชั่วโมง 50 นาที โดยมาพร้อม Mercedes-Benz Wallbox Home รุ่น 2.0 พร้อมระบบป้องกันฝุ่นกันน้ำตามมาตรฐาน IP55/IK10 นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการชาร์จไฟฟ้าและอัปเดตซอฟต์แวร์ได้แบบ OTA (Over-the-Air) ผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me
นอกจากความโดดเด่นของการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% คือ การขับขี่แบบไร้มลพิษ (Zero-Emission) แล้ว EQB ยังมาพร้อมการดีไซน์ที่แฝงไปด้วยความหรูหราภายใต้แนวคิด ‘Progressive Luxury’ ตามแบบฉบับของแบรนด์ Mercedes-EQ โดยด้านของการออกแบบภายนอก EQB มีการตกแต่งรอบคันแบบ AMG Bodystyling มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Radiator Grille พร้อมแถบคาดกระจังหน้าโครเมียมแบบ Twin Blade ที่ดีไซน์รับกับโลโก้ดาวสามแฉกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างลงตัว ต่อเนื่องด้วยโคมไฟหน้าความละเอียดสูงแบบ LED High Performance ตกแต่งเส้นสายไฮไลต์สีฟ้าแสดงถึงการเป็นรถในตระกูล Mercedes-EQ และมีการติดตั้งระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) พร้อมติดตั้งราวหลังคาอะลูมิเนียมในสไตล์ของรถเอนกประสงค์ และล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-Spoke ขนาด 20 นิ้ว
วางแผนในการขยาย EV Portfolio ในประเทศไทย
มร.มาร์ทิน กล่าวว่า เพื่อการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย แผนการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ดังกล่าวที่จะสะท้อนผ่านความยั่งยืน (Sustainability) การนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification)
เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (Technology and Innovation) และประสบการณ์แบบลักชัวรี (Luxury Experience) ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีแผนในการขยาย EV Portfolio ในประเทศไทย ผ่านการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มด้วย EQB 250 AMG Line หนึ่งในรถภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าผ่านการร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ บริการสถานีชาร์จ บริษัทได้ทำสัญญาร่วมกับพาร์ตเนอร์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR
สำหรับแนวโน้มการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย มองว่า มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องและบริษัทมองการลงทุนทุกรูปแบบ ซึ่งล่าสุดกำลังทบทวนขยับขยายการลงทุนแบตเตอรี่ประกอบในประเทศไทย ส่วนมุมมองข้อกังวลด้านซัพพลายเชน เซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ทั่วโลก ไม่น่าจะมีปัญหา เท่าที่ได้พูดคุยปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหาขาดแคลน
ยอดขายปี 2565 ในไทยทะลุ 13,182 คัน ส่วนทั่วโลกแตะ 2 ล้านคัน
มร.มาร์ทิน กล่าวว่า ด้านยอดขายในระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์มีอัตราการเติบโตของยอดขายกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา สามารถกวาดยอดขายรถในกลุ่ม Passenger Cars กว่า 2,043,900 คันทั่วโลก อีกทั้งตัวเลขการเติบโตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่สูงถึง 124% ด้วยยอดขายกว่า 117,800 คัน โดยมีรุ่นที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ อย่าง EQA และ EQB
และยอดขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ปีที่ผ่านมา 2565 เติบโตถึง 34% ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 13,182 คัน ยอดขายรถในเซกเมนต์ Dream Cars โตขึ้น 28% จากยอดขาย CLS และ C-Coupe ยอดขายรถ SUV เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนรถเซกเมนต์ Contemporary Luxury อย่าง The new C-Class E-Class และ S-Class โตขึ้น 12% ตามด้วยรถ Top-end Luxury อย่าง Mercedes-Maybach ตัวเลขยอดขายโตขึ้นกว่า 3 เท่าจากปีที่ผ่านมา และถือเป็นปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ประสบความสำเร็จทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์
เปิดกลยุทธ์ในรูปแบบใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44
มร.บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า วิสัยทัศน์ Ambition to Lead เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ปีนี้ได้นำมาปรับใช้ในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารในรูปแบบใหม่ เริ่มจากการเปลี่ยนคอนเซปต์ของการจัดแสดงรถยนต์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 โดยปีนี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการนำเสนอยุคใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านการจัดแสดงรถยนต์บนพื้นที่ใหม่ที่บูธหมายเลข A19 บริเวณฮอลล์ 1 ของอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ซึ่งมีการสร้างการรับรู้ให้สาธารณะผ่านแคมเปญการสื่อสารทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
โดยความพิเศษของบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้จะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ambition to Lead พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในบูธของเราไปจนถึงขั้นตอนที่ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์
นอกจากนี้ภายในบูธจะถูกแบ่งโซนในการจัดแสดงรถยนต์ ซึ่งมีให้ชมครบทุกรุ่น ตั้งแต่รถยนต์ในแบรนด์ Mercedes-Benz ในกลุ่มของรถ ICE และ PHEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รถยนต์สมรรถนะสูงในกลุ่ม Mercedes-AMG รถยนต์ระดับ Top-End Luxury อย่าง Mercedes-Maybach พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับตำนานอย่าง SL และ G-Class ซึ่งคนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ได้เตรียมพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใหม่ๆ ใน Mercedes Me Store ที่ลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ เช่น Rear Axle Steering ที่เป็นการลดวงเลี้ยวรถยนต์ เพื่อการควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น, Active Distance Assistance Distronic ระบบควบคุมระยะห่างของรถยนต์ขณะขับขี่ หรือ Individualization ที่เป็นการเพิ่มความบันเทิงในรูปแบบเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกบรรยากาศภายในรถทั้งเสียงและภาพที่แสดงบนหน้าจอหรือมินิเกม ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ
นอกจากนี้ในปีนี้จะมีการนำเสนอระบบการจ่ายเงินค่าบริการผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ครอบคลุมในทุกสถานะของรถเมื่อนำรถเข้ารับบริการเพิ่มเติมจากบริการระบบออนไลน์เดิม