วันนี้ (13 กันยายน) ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขงร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่าปริมาณฝนตกหนักสะสมในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ สปป.ลาว อาจส่งผลให้ช่วงวันที่ 13-16 กันยายน 2567 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงอาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสี่ยงต่อการเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ห่วงใยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ได้สั่งกำชับให้ ปภ. เตรียมรับมือสถานการณ์โดยเร่งด่วน ซึ่งวันนี้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร, ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 อุดรธานี และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 4 จังหวัดริมแม่น้ำโขง (หนองคาย นครพนม เลย บึงกาฬ) ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) นำเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำการในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมแล้ว
นอกจากนี้ จังหวัด, อำเภอ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, หน่วยทหาร, อาสาสมัคร, มูลนิธิ, อาสารักษาดินแดน (อส.) และหน่วยงานราชทัณฑ์ ก็ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยระดมกำลังพล, เครื่องมือ, อุปกรณ์, รถบรรทุก, เครื่องสูบน้ำ, เรือท้องแบน และกระสอบทราย เพื่อเตรียมพร้อมรองรับน้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่แล้ว
“เบื้องต้นจังหวัดได้บูรณาการเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ ทั้งเครื่องสูบน้ำ 43 เครื่อง, รถบรรทุก 4 คัน, เรือท้องแบน 16 ลำ, กระสอบทราย 16,000 ถุง และกำลังพลรวมกว่า 85 นาย เตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบสถานการณ์น้ำโขงที่อาจเกิดขึ้น โดย ปภ. ได้สแตนด์บายเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เพื่อเข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานเพิ่มเติมไว้แล้ว” อธิบดี ปภ. กล่าว
ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดแจ้งเตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ สถานการณ์น้ำ และข่าวสารจากทางราชการ อย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น
ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT และหากได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทาง LINE ‘ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784’ โดยเพิ่มเพื่อนทาง LINE ID @1784DDPM ซึ่งสามารถแจ้งพิกัดที่อยู่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือได้ทันที รวมถึงสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
