ในโลกมายาที่เต็มไปด้วยความบันเทิงน่าตื่นตาตื่นใจ ใครจะรู้ว่าบางครั้งกลับทำให้เราสามารถเรียนรู้เรื่องการเงินและการลงทุนได้เช่นกัน และทำให้เราได้รู้ว่า ‘การลงทุนไม่เคยเป็นเรื่องไกลตัว’
ในบทความนี้เราจึงอยากพาผู้อ่านไปเรียนรู้บทเรียนการลงทุนที่สอดแทรกอยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Mission: Impossible ที่นำแสดงโดย ทอม ครูซ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงมีโอกาสได้ดูกันไปบ้างแล้ว
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์แอ็กชัน บู๊ล้างผลาญ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของการจารกรรมข้อมูล การสืบเสาะหาตัวผู้ก่อการร้ายของหน่วยข่าวกรอง และหลายครั้งก็เป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญในการยับยั้งวินาศภัยที่ส่งผลกระทบต่อโลก แต่ในภาค 2 ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมีแง่มุมการเงินและการลงทุนซุกซ่อนอยู่
เรื่องย่อของ Mission: Impossible 2 ว่าด้วยเรื่องราวของ อีธาน ฮันต์ พระเอกของเรื่อง ที่ต้องแทรกซึมเพื่อสืบหาต้นตอของไวรัสชนิดหนึ่งที่รุนแรงมาก เพื่อยับยั้งผู้ก่อการร้ายที่ต้องการจะสร้างให้เกิดโรคระบาดไปทั่วโลก โดยมีบริษัทยายักษ์ใหญ่อยู่เบื้องหลัง เพราะต้องการผลิตวัคซีนขึ้นมาเป็นรายแรก และทำกำไรมหาศาลจากวิกฤตการณ์ของโลกครั้งนี้
ไฮไลต์ของภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับโลกการลงทุนคือ บริษัทยายักษ์ใหญ่นี้ตกลงกับผู้ก่อการร้ายว่าจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้ก่อการร้ายกลับปฏิเสธ และนี่คือบทสนทนาระหว่างหัวหน้าผู้ก่อการร้ายกับบอสใหญ่ของบริษัทยาที่เกิดขึ้นในเรื่อง
- This is how it’s going to work, Shares outstanding are…?: 93.4 million shares. (นี่คือวิธีการ ตอนนี้มีหุ้นเท่าไรนะ?: 93.4 ล้านหุ้นใช่ไหม)
- Which mean, Mr.McCloy, we need 480,000 options. (ซึ่งหมายความแบบนี้นะ คุณแม็คคลอย, เราต้องการ 480,000 ใบสำคัญแสดงสิทธิ)
- We’ll borrow your 30 million to buy those options. (เราจะยืมเงินคุณ 30 ล้าน เพื่อซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิเหล่านั้น)
- Your stock has never sold above $31 a share. (ราคาหุ้นของคุณไม่เคยขายได้สูงกว่าหุ้นละ 31 ดอลลาร์สหรัฐเลย)
- When your stock goes north of 200, Which… it will (เมื่อหุ้นของคุณขึ้นสูงกว่า 200, ซึ่งมันจะถึงแน่นอน)
- Those options will be worth billions and I will own 51% of Biocyte. (ใบสำคัญแสดงสิทธิเหล่านั้นจะมีมูลค่าหลายพันล้าน และฉันจะเป็นผู้ถือหุ้น 51% ของ Biocyte)
ถ้าเราเป็นผู้ชมก็คงปล่อยผ่านกับประโยคทั้งหมดนี้ เพราะต้องการติดตามความสนุกของภาพยนตร์เท่านั้น ไม่ได้สนใจบริบทของไฮไลต์ตรงนี้
แต่ถ้าลองคิดตามบทสนทนาดังกล่าวจะพบว่า มีเรื่องน่าขบคิดซุกซ่อนอยู่ นั่นก็คือเรื่องของการประเมินมูลค่าบริษัทและการใช้เงินของผู้ว่าจ้างมาทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในท้ายที่สุด ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะทำให้เป้าหมายสำเร็จต้องใช้เครื่องมือการลงทุนที่เรียกว่า ‘Warrant’ หรือตราสารที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือ ในการซื้อหลักทรัพย์ที่ใบสำคัญแสดงสิทธินั้นอ้างอิงอยู่ ตามราคาที่ใช้สิทธิ จำนวนที่ใช้สิทธิ ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นใบจองเพื่อซื้อหุ้น ไม่ต่างกับใบจองคอนโด โดยมี ‘Options’ หรือตราสารสิทธิ / สัญญาสิทธิ เป็นการให้สิทธิ เพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคตเป็นเครื่องการันตี
ซึ่งการลงทุนในประเทศไทยเราสามารถเก็งกำไร บริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนเอง ได้จากสัญญาสิทธิประเภทนี้ อีกทั้งยังสามารถทำกำไรได้หลายเท่าตัว (ถ้าถูกทาง) และยังจำกัดความเสี่ยง (ผลการขาดทุน) ที่ต้องการได้เองอีกด้วย
จากตัวอย่างบทสนทนาในภาพยนตร์นั้น หากพิจารณาง่ายๆ ให้เห็นภาพชัดขึ้น ถ้าราคามีการเปลี่ยนแปลงจาก 31 ดอลลาร์สหรัฐ ไปเป็น 200 ดอลลาร์สหรัฐ หากลงทุนธรรมดาตรงๆ แล้วราคาหุ้นขึ้นจริงก็คงได้กำไรประมาณ 5.45 เท่า (ประมาณ 545%)
แต่การลงทุนในรูปแบบที่ใช้เครื่องมือทางการเงินมาช่วยด้วยจะสามารถเพิ่มอำนาจเงินลงทุน (Gearing / Leverage) จาก 30 ล้าน กลายเป็นหลายพันล้านได้ โดยประเมินคร่าวๆ ก็จะกำไรหลายร้อยเท่า (มากกว่าการลงทุนโดยตรงประมาณ 40-50 เท่า) ซึ่งเป็นจริงได้ในโลกการลงทุน แต่นักลงทุนจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะการลงทุนใดๆ ย่อมมีความเสี่ยง และคงไม่สามารถสรุปจบได้เพียงในบทความนี้เท่านั้น
และนี่คือตัวอย่างของการลงทุนที่แฝงในโลกมายา เพียงแค่เราสนใจศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ก็จะเข้าใจวิธีการคิดและการลงทุนที่เราอาจจะไม่เคยสัมผัสหรือเข้าใจมาก่อน และคาดไม่ถึงว่าอาจจะสามารถสร้างกำไรให้เราได้
หมายเหตุ: ขอขอบคุณแหล่งที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง Mission Impossible บทความนี้เป็นการยกตัวอย่างเนื้อหาในภาพยนตร์มาประกอบในบทความ เพื่อทำให้ผู้อ่านเข้าใจความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการลงทุนเท่านั้น
พิเศษ! เพื่อผู้อ่าน THE STANDARD คลิก https://bit.ly/3gWgAgp รับของที่ระลึก โปรโมชันพิเศษ ฟรี จาก Maybank Kim Eng