โจทย์ใหญ่ MASTER หวังปั้นธุรกิจจาก ‘รพ.ศัลยกรรมความงาม’ สู่ รพ.เฉพาะทาง

หนึ่งในหุ้น IPO ที่ร้อนแรงที่สุดของปี 2566 คือหุ้นของ บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ที่เริ่มเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนที่ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 91.50 บาท เพิ่มขึ้น 98.9% จากราคา IPO ที่ 46 บาท

ขณะเดียวกันยังปรากฏชื่อบรรดานักลงทุนชื่อดังหลายรายเข้าร่วมลงทุน เช่น พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี, สุระ คณิตทวีกุล และไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เป็นต้น

MASTER เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการก้าวไปเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามแบบครบวงจรอันดับหนึ่งของไทย อย่างไรก็ดี หากมองเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นผ่านมุมมองของซีอีโอและผู้ก่อตั้งอย่าง ‘นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล หรือ หมอเส’ ที่มองว่า MASTER อาจจะกลายเป็นกลุ่มของโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่เรื่องของความงาม

นพ.ระวีวัฒน์กล่าวว่า นอกจากการเติบโตด้วยธุรกิจเดิม MASTER มีแผนที่จะขยายการเติบโตผ่านการลงทุนใหม่ๆ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเริ่มเห็นจากการตัดสินใจเข้าลงทุนในบริษัท มีแพลนดี จำกัด ซึ่งทำธุรกิจคลินิกเสริมความงามภายใต้ชื่อ WIND Clinic ในสัดส่วน 40%

“การเข้าลงทุนใน WIND Clinic เป็นหนึ่งในเรือธงสามด้านที่เป็นกลยุทธ์การเติบโตแบบ Inorganic ของเรา”

สำหรับ 3 กลยุทธ์เพื่อต่อยอดการเติบโตของ MASTER หลังจากนี้ บริษัทจะเน้นไปใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1. เซเลบต่างจากหวัด 2. เฮลท์แคร์ที่เกี่ยวเนื่อง และ 3. โรงพยาบาลเฉพาะทาง

สำหรับกลยุทธ์แรกเป็นสิ่งที่เริ่มเห็นแล้วจากการร่วมลงทุนกับ WIND Clinic ซึ่งเป็นคลินิกเสริมความงามที่มีฐานลูกค้าและเป็นที่รู้จักในอุบลราชธานี

“โมเดลนี้เป็นหนึ่งในสามขาการเติบโตที่เราเห็นโอกาสหลังจากเข้าตลาด ซึ่งการลงทุนของเราในส่วนนี้จะไม่ใช่ Mergers & Acquisitions (M&A) แต่เป็น Mergers & Partners (M&P) เพื่อให้เจ้าของเดิมยังมีความเป็นเจ้าของอยู่”

การมองหาดีลในการลงทุนของ นพ.ระวีวัฒน์จะกำหนดเป็นเช็กลิสต์ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่สำคัญ คือ 1. เจ้าของธุรกิจมีแพสชันที่อยากจะทำต่อ 2. เป็นที่รู้จักในท้องถิ่นของตัวเอง และ 3. มี Synergy กับธุรกิจของเรา

“โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบเช็กลิสต์ เพราะเชื่อว่าการวางแผนจะช่วยให้เราไม่พลาดเป้า โดยปกติคนเรามักจะผิดพลาดในเวลาที่กำลังฮึกเหิม” นพ.ระวีวัฒน์พูดถึงนิสัยส่วนตัวที่ชอบการมีเช็กลิสต์อยู่เสมอ

“หลังจากเข้าตลาดทำให้มีผู้ที่สนใจร่วมทุนกับเรามากขึ้น จุดเด่นที่เรามีคือระบบ (System) และความชำนาญ (Know-How) ในธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราจะนำไปแลกให้กับธุรกิจที่จะร่วมทุนกัน”

กลยุทธ์ที่สองเป็นการมองหาการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ ซึ่งสามารถที่จะเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักของเราได้

ส่วนกลยุทธ์ที่สามเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลเฉพาะทางอื่นๆ เช่น เลสิก ข้อเข่า หัวใจ เป็นต้น ซึ่งธุรกิจเหล่านี้มีการแข่งขันทางการตลาดที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจทางด้านความงาม

นพ.ระวีวัฒน์เล่าต่อว่า “ส่วนตัวมีโรงพยาบาลกรุงเทพเป็นหนึ่งในโมเดลที่ชื่นชอบ โดยเฉพาะเรื่องการขยายธุรกิจด้วย System จนกลายเป็น Ecosystem ในที่สุด อีกส่วนที่เราเรียนรู้จากรุ่นพี่ในวงการคือการแบ่งหน้าที่กันทำ อย่างทีมบริหารจะมีคนที่ดูเรื่องการดำเนินงานภายใน ส่วนอีกคนจะดูเรื่องโอกาสที่เข้ามา ในอีก 5 ปีข้างหน้าเราอยากจะขยายในส่วนของโรงพยาบาลเฉพาะทางมากขึ้น และหากเรายังยึดแนวทางนี้ในอนาคตก็มีโอกาสที่เราจะกลายเป็นกลุ่มของโรงพยาบาลเฉพาะทาง

“ปัจจุบันบริษัทมีเงินทุนและความสามารถในการกู้อีกมากเพื่อขยายธุรกิจ แต่เราจะไม่ลงทุนในสิ่งที่แพงเกินจริงและไม่เกิดประโยชน์กับบริษัท สิ่งที่ยังขาดอยู่ในเวลาคือเรื่องของคน เพื่อช่วยคัดกรองโอกาสที่วิ่งเข้ามา”

นอกจากเรื่องของกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจของ MASTER หนึ่งในประเด็นที่นักลงทุนเฝ้าติดตามคือการเติบโตของผลประกอบการจะทันกับราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมารอหรือไม่ ซึ่งในมุมของหัวเรือใหญ่ของ MASTER ไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้เท่าใดนัก

ในระยะสั้นการเติบโตของ MASTER จะยังมาจากธุรกิจหลักซึ่งก็คือศัลยกรรมความงาม จากการขยายห้องผ่าตัดและทีมแพทย์ที่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มรายได้ในปีนี้หลังผ่านมา 4 เดือนยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 40% จากห้องผ่าตัดสำหรับทำศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้น 10 ห้อง เตียงผู้ป่วยในสำหรับค้างคืน 10 เตียง และเพิ่มเตียงพักฟื้นจำนวน 12 เตียง เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิม

นพ.ระวีวัฒน์กล่าวเสริมว่า “การเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผลลัพธ์มากกว่าที่คาดไว้มาก ไม่ใช่ในเรื่องของราคาหุ้น แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจ อย่างดีล WIND Clinic ก็เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาแล้ว และใช้เวลาแค่ประมาณ 60 วัน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง