×

Marry My Dead Body ตลกโบ๊ะบ๊ะ ชัยชนะแบบ Love Win ที่จิ้นได้แม้ไม่มีฉากเลิฟซีน

14.08.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

2 MIN READ
  • Marry My Dead Body ประสบความสำเร็จอย่างสูงใน Box Office ของไต้หวัน ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของหนังสูตรผีตลก แต่หยิบยกประเด็นสมัยใหม่ที่หลากหลายเข้าไปใส่ในเนื้อเรื่องแล้วดันกลมกล่อมลงตัว อีกทั้งยังได้ดาราขวัญใจอย่าง เกร็ก ซู และ ออสติน หลิน มาร่วมแสดง 
  • นอกจากการมาเจอกันระหว่างคนกับผี Marry My Dead Body ยังพาไปสำรวจโลกที่แตกต่างของ ‘ชายแท้’ และ ‘เกย์’ ด้วยการให้ หมิงฮั่น เข้าไปสัมผัสการใช้ชีวิตของเหมาเหมา จนทำให้เขามองเกย์เปลี่ยนไป และกลายเป็นความผูกพันจนเกิดเป็น ‘ความรัก ‘ รูปแบบใหม่ที่มากกว่ามิตรภาพโดยไม่ได้มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง

ช่วงนี้มีภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์วาย มาให้ดูมากเป็นพิเศษ (และอาจจะมากกว่าช่วง Pride Month ด้วยซ้ำ) ไล่มาตั้งแต่ละคร กฎแห่งรักดึงดูด (Law of Attraction), หอมกลิ่นความรัก ที่กำลังจะออนแอร์ทางช่อง one 31 ฝั่งสตรีมมิงก็มีภาพยนตร์อย่าง Red, White & Royal Blue ทาง Prime Video ซึ่งทุกเรื่องก้าวข้ามรั้วโรงเรียนออกมาโลดแล่นในบริบทอื่นๆ รวมทั้ง Marry My Dead Body ภาพยนตร์ตลกโบ๊ะบ๊ะทาง Netflix ที่แม้จะไม่มีฉากเลิฟซีน แต่ก็จิ้นได้กับความรักระหว่างชายกับชายรูปแบบใหม่ที่เพศและการมีชีวิตอยู่อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ

 

Marry My Dead Body ประสบความสำเร็จอย่างสูงใน Box Office ของไต้หวัน ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของภาพยนตร์สูตรผีตลก แต่หยิบยกประเด็นสมัยใหม่ที่หลากหลายเข้าไปใส่ในเนื้อเรื่องแล้วดันกลมกล่อมลงตัว อีกทั้งยังได้ดาราขวัญใจอย่าง เกร็ก ซู นักแสดงที่โด่งดังระดับนานาชาติโดยภาพยนตร์เรื่อง A Sun ของเขาเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไต้หวันเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2020 และ ออสติน หลิน นักแสดงจาก Transformers: Age of Extinction มาร่วมแสดง 

 

 

Marry My Dead Body เล่าเรื่องของ หมิงฮั่น (เกร็ก ซู) นายตำรวจที่ครบสูตร ‘ชายแท้’ และมีแนวคิดเหยียดเพศ ที่บังเอิญไปเก็บซองแดงของคุณย่าที่วางแผนหาคู่แต่งงานให้หลานชายเกย์ที่เพิ่งเสียชีวิตไป ทำให้เขาต้องกลายเป็นเจ้าบ่าวให้กับผี หลังจากแต่งงานวันแรก ร่างของ เหมาเหมา (ออสติน ลิน) ก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับขอร้องแกมบังคับให้เขาทำภารกิจต่างๆ ที่เจ้าตัวทำคั่งค้างไว้ แต่สุดท้ายนำไปสู่การรื้อฟื้นคดีเกี่ยวกับการตายของเหมาเหมา เชื่อมโยงไปยังเครือข่ายยาเสพติด โดยมี จื่อชิง (กิงลี หวัง) ตำรวจหญิงหน้าสวยที่หมิงฮั่นหมายปองอยู่ ร่วมมือด้วย แต่ทุกอย่างไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะปฏิบัติการนี้มีหนอนบ่อนไส้แฝงตัวอยู่ ทำให้เรื่องราวพลิกไปพลิกมาตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม

 

 

สิ่งที่แรกที่ตกคนดูได้อยู่หมัดคือ การใส่ประเด็นสมรสเท่าเทียม ด้วยคาแรกเตอร์ของคุณย่าซึ่งเป็นหญิงชราวัย 70 ปี แต่มีแนวคิดล้ำสมัย โดยผสมเข้ากับแนวความเชื่อเก่าๆ อย่างการแต่งงานกับผีได้อย่างมีอารมณ์ขัน 

 

“การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันถูกกฎหมายในโลกมนุษย์ ในยมโลกก็คงเหมือนกัน” หรือตอนที่คุณย่าเตือนหมิงฮันเรื่องรักร่วมเพศด้วยประโยค “อย่าเป็นคนหยาบคายเหมือนคนแก่อย่างพวกเรา!” ทั้งหมดแสดงให้เป็นว่า การมองโลกของคนต่างเจเนอเรชันก็ยังคงแตกต่างกัน เพียงแต่เธอคือส่วนน้อยที่ยอมรับตัวตนของผู้เป็นหลานอย่างไม่มีเงื่อนไข 

 

 

แต่ปัญหาเหล่านี้อาจจะหนักกว่าสำหรับคนเป็นพ่อที่พยายามทำใจยอมรับ แต่ก็ยังมีทีท่าแข็งขืน โดยสุดท้ายความตั้งใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คือ อยากเห็นลูกมีความสุข และอะไรจะดีไปกว่าการได้เป็นตัวเอง นำมาซึ่งซีนซึ้งๆ ในตอนท้ายเรื่องที่ต้องไปติดตามกัน 

 

อีกส่วนคือเสน่ห์ของนักแสดง ทั้ง เกร็ก ซู ที่ต้องยอมรับว่าเล่นบทตลกได้อย่างไม่ห่วงหล่อ แต่กลับมีเสน่ห์ เป็นผู้ชายโก๊ะๆ ที่ทำให้เราตกหลุมรักได้ไม่ยาก ยังไม่นับรวมการโชว์เนื้อหนังมังสาในภาพยนตร์ที่เราได้เห็นไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้งตลอดทั้งเรื่อง รวมทั้ง ออสติน ลิน ที่สวมบทเกย์สาวได้อย่างเนียนกริบ ตุ้งติ้งน่ารักกำลังพอดี และหากมองเข้าไปถึงตัวตนที่แท้จริง ตัวละครเหมาเหมาคือคนธรรมดาที่ต้องการความรักธรรมดาๆ เพียงแต่เป็นความรักที่มาจากเพศเดียวกันเท่านั้นเอง 

 

 

นอกจากการมาเจอกันระหว่างคนกับผีแล้ว Marry My Dead Body ยังพาไปสำรวจโลกที่แตกต่างของ ‘ชายแท้’ และ ‘เกย์’ ด้วยการให้หมิงฮั่นเข้าไปสัมผัสการใช้ชีวิตของเหมาเหมา จนทำให้เขามองเกย์เปลี่ยนไป และกลายเป็นความผูกพันจนเกิดเป็น ‘ความรัก’ รูปแบบใหม่ที่มากกว่ามิตรภาพ โดยไม่ได้มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง ซึ่งตลอดทั้งเรื่องของ Marry My Dead Body แทบจะไม่มีฉากเลิฟซีนเลย มากที่สุดคือการสบตาและการเผยความรู้สึกอ่อนไหวต่อกัน แต่กลับทำให้คนดูจิ้นและฟินได้อย่างอบอุ่นหัวใจ 

 

นอกจากประเด็นเรื่องความหลากหลายทางเพศและสมรสเท่าเทียมแล้ว ในเรื่องยังสอดแทรกประเด็นรักษ์โลก ความฉ้อฉลในวงการตำรวจ และ Beauty Privilege ที่อาจไม่ใช่ข้อดีเสมอไป ผ่านตัวละคร จื่อชิง หญิงสาวคนเดียวในเรื่อง ผู้ทำหน้าที่เป็นนางแบบในสื่อประชาสัมพันธ์ของสำนักงานตำรวจ จนถูกมองข้ามความสามารถที่เธอมี 

 

 

และแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเต็มไปด้วยประเด็นสังคม แต่ก็ไม่พร่องเรื่องมุกตลกที่เหมือนผู้กำกับยัดใส่เข้าไปในแทบจะทุกช่วงของภาพยนตร์ และหลายๆ มุกมีความเป็นการ์ตูนเอามากๆ ทั้งมุกช็อตฟีล มุกเรื่องเพศ หรือแม้กระทั่งมุกตลกเฉพาะกลุ่ม (อย่างเช่น ท่าเต้น Vogue Dip) และที่ขาดไม่ได้คือซีนซึ้งๆ เพื่อให้เรื่องราวครบรส ส่วนที่ผู้เขียนชอบมากคือการหาทางลงในตอนจบ ที่ไม่ได้พูดถึงชัยชนะของเพศใดและไม่ได้ก้าวข้ามรสนิยมทางเพศเดิม แต่โดยรวมก็ถือว่าสวยงาม 

 

ถ้ามองในแง่ความบันเทิง Marry My Dead Body ถือได้ว่าตอบโจทย์ แม้จะไม่ใหม่มาก แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะ (และบางทีอาจมีน้ำตา) แบบที่ผู้หญิงก็ดูได้ และแม้แต่ชายแท้แบบหมิงฮั่นก็ดูสนุกแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising