×

TU – ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากเกินไป

01.04.2024
  • LOADING...
หุ้น TU ไทยยูเนี่ยน

เกิดอะไรขึ้น

 

InnovestX Research คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q67 ของ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ที่ 902 ล้านบาท ลดลง 11%YoY แต่เพิ่มขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 1.72 หมื่นล้านบาทใน 4Q66 หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ล้านบาทออกไป กำไรปกติ 1Q67 จะอยู่ที่ 922 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY แต่ลดลง 25%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้กำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY คือ 

 

  1. ยอดขายที่ดีขึ้น (เพิ่มขึ้น 2%YoY) จากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (เพิ่มขึ้น 15%YoY) และยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป (เพิ่มขึ้นในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY) ที่เติบโตเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่สูงขึ้น ซึ่งมากเกินพอที่จะชดเชยยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งที่ลดลง (ลดลง 10%YoY จากการลดขนาดธุรกิจที่มีมาร์จิ้นต่ำในสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่ 2Q66 และลดลง 5%YoY จากอุปสงค์ที่อ่อนแอลงในสหรัฐฯ)

 

  1. อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นสู่ 16.90% (เพิ่มขึ้น 180bps YoY) เนื่องจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งจากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น จะช่วยชดเชยมาร์จิ้นที่อ่อนแอลงของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปจากราคาสินค้ารับจ้างผลิต (OEM) ที่อยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับระดับราคา Spot ปลาทูน่า ท่ามกลางต้นทุนสต็อกปลาทูน่าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ TU จะไม่มีการบันทึกผลการดำเนินงานจาก Red Lobster ใน 1Q67 (เทียบกับกำไร 272 ล้านบาทใน 1Q66 ส่วนแบ่งกำไร 20 ล้านบาท และเครดิตภาษี 252 ล้านบาท) หลังจากบริษัทปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน Red Lobster เป็นศูนย์เมื่อสิ้น 4Q66 โดย TU จะประกาศผลประกอบการวันที่ 8 พฤษภาคม

 

ส่วน 2Q67 คาดว่ากำไรปกติจะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (ต้นทุนปลาทูน่าที่แท้จริงลดลงท่ามกลางราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น) และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (สัดส่วนการขายดีขึ้น) ที่ดีขึ้น และไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster (เทียบกับขาดทุน 55 ล้านบาทใน 2Q66)

 

ด้านโครงการซื้อหุ้นจะช่วยพยุงราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลดลง คณะกรรมการของ TU มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน จำนวนไม่เกิน 200 ล้านหุ้น (4.30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ในวงเงินไม่เกิน 3.6 พันล้านบาท นับถึงปัจจุบันบริษัทซื้อหุ้นคืนมาแล้ว 85.71 ล้านหุ้น (43% ของจำนวนหุ้นที่ตั้งเป้าซื้อคืน) ที่ต้นทุน 1.24 พันล้านบาท คิดเป็นต้นทุนซื้อคืนเฉลี่ย 14.40 บาทต่อหุ้น (ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ 1%) โดยบริษัทยังคงเหลือหุ้นอีก 114 ล้านหุ้นที่สามารถซื้อคืน ซึ่งจะช่วยพยุงราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลดลง

 

กระทบอย่างไร

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TU ปรับขึ้น 2.84% สู่ระดับ 14.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 0.77% สู่ระดับ 1,377.94 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ

 

ราคาหุ้น TU ปรับตัวลดลง และ Underperform SET อยู่ 5% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยซื้อ-ขายที่ P/E ปี 2567 ระดับ 12.7 เท่า (-1S.D. จาก P/E เฉลี่ย 10 ปี) สะท้อนความกังวลของตลาดเกี่ยวกับธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่อ่อนแอใน 1Q67 ซึ่งมองว่าตลาดมีความกังวลมากเกินไป เนื่องจาก

 

  1. กำไรปกติ 1Q67 ประเมินได้อยู่ที่ 922 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY โดยได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น นำโดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง แต่ลดลง 25%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล 

 

  1. โมเมนตัมกำไร 2Q67 จะแข็งแกร่งขึ้น โดยจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY นำโดยธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster 

 

  1. โครงการซื้อหุ้นคืนจะช่วยพยุงราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลดลง 

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ TU โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 18 บาทต่อหุ้น อ้างอิง P/E 16 เท่า (P/E เฉลี่ย 10 ปี)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ แรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการแข็งค่าของเงินบาท ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ ได้แก่ การบริหารจัดการพลังงาน ของเสีย และน้ำ ผลิตภัณฑ์ที่ยังยืน (E) นโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน (S)

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising