×

SNNP – แนวโน้มการทำกำไร 4Q65 และปี 2566 มีโอกาสทำได้ดีกว่าคาดเดิม

04.02.2023
  • LOADING...
SNNP

เกิดอะไรขึ้น:

InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q65 ของ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SNNP ปรับเพิ่มขึ้น 20.40%MoM สู่ระดับ 24.20 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.83%MoM สู่ระดับ 1,682.58 จุด

 

พรีวิวผลประกอบการ 4Q65:

ราคาหุ้นมีการปรับเพิ่มขึ้น 20% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คาดสะท้อนทิศทางผลประกอบการของ 4Q65 ที่ InnovestX Research คาดไว้ว่าจะทำ New High ได้ที่ 157 ล้านบาทจากการฟื้นตัวของยอดขายและอัตราการทำกำไรขั้นต้น  

 

โดยแนวโน้มการทำกำไรของ 4Q65 และปี 2566 มีโอกาสทำได้ดีกว่าคาดเดิม เนื่องจากต้นทุนหลักหลายรายการเริ่มมีแนวโน้มลดลง เช่น ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ของ Jele ที่ลดลงมากว่า 12% จากช่วง Peak ที่ต้นปี 2565 รวมถึงราคาแป้งและต้นทุนการขนส่ง  

 

ซึ่งจากแนวโน้มของอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีกว่าที่คาดไว้ จึงมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิของปี 2565 เพิ่มขึ้น 1% เท่ากับ 525 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20%YoY) ทำจุดสูงสุดใหม่ โดยคาดว่าใน 4Q65 SNNP จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 162 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 34%YoY และ 14%QoQ) รายได้คาดยังทำได้แข็งแกร่งที่ 1,599 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 32%YoY และ 9%QoQ) 

 

โดยมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศที่ 75% ต่างประเทศที่ 25% ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ โดยยอดขายจาก 2 ประเทศหลักที่ SNNP มีโรงงานตั้งอยู่คือ เวียดนามและกัมพูชา อัตราการทำกำไรขั้นต้นคาดฟื้นตัวเท่ากับ 28.3% ฟื้นตัวจาก 27.3% ใน 3Q65 

 

กลยุทธ์การลงทุนและแนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

InnovestX Research คาดว่าทิศทางของต้นทุนหลักในปี 2566 โดยเฉลี่ยจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยได้มีการปรับลดต้นทุนและคาดว่าอัตราการทำกำไรขั้นต้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 28.8% จากประมาณการเดิมที่ 27.5% โดยคาดว่าแนวโน้มของอัตราการทำกำไรขั้นต้นใน 2H66 จะดีกว่า 1H66 เมื่อโรงงานใหม่ในเวียดนามผลิตเต็มกำลังทุกสินค้าครบ

 

โดยคาดว่ากลุ่ม Bento จะเริ่มผลิตช่วง 2Q66 และกลุ่ม Jele เริ่มผลิตใน 2H66 ซึ่งการผลิตในเวียดนามมีต้นทุนวัตถุดิบต่ำกว่า และการทำการตลาดแบบ Mass Product คาดว่าจะหนุนยอดขายและส่งผลให้ในระยะยาวอัตราการทำกำไรดีขึ้น

 

ดังนั้นจึงคาดการณ์รายได้ของปี 2566 ที่ 6,260 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13%YoY) โดยสัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศจะปรับเป็น 30:70 เมื่อโรงงานเวียดนามผลิตครบทุนกลุ่มสินค้า และกำไรสุทธิจากการปรับประมาณการแล้วคาดที่ 692 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 30%YoY) ทำจุดสูงสุด 

 

InnovestX Research ให้คำแนะนำ ‘ซื้อ’ โดยใช้สมมติฐาน PER ที่ 31.5 เท่า (+1SD) ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 25.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 23.10 บาทต่อหุ้น โดยคาดหวังที่เห็นการเปิดธุรกิจเสริมอาหารในปี 2566 เพื่อต่อยอดการเติบโตรวมไปถึงการเติบโตของตลาดต่างประเทศขึ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การบริหารต้นทุนและความผันผวนของค่าเงิน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising