เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q66 ของ บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 25 เมษายน 2566
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCGP ปรับลดลง 8.12%MoM อยู่ที่ระดับ 45.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 4.80%MoM สู่ระดับ 1,597.10 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 1Q66:
ผลประกอบการ 1Q66 คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิ 917 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิ 450 ล้านบาทใน 4Q65 โดยได้รับการสนับสนุนจากปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นหลังจีนเปิดประเทศ (จีนนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นสู่ 680,000 ตัน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 เทียบกับราว 200,000 ตันใน 4Q65 และระดับปกติที่ 800,000 ตัน) และต้นทุนวัตถุดิบ (RCP) ที่ลดลงแรงใน 1Q66 (ปรับตัวตามหลังราคาตลาดอยู่ 3-4 เดือน) รวมถึงต้นทุนถ่านหินที่ค่อยๆ ลดลง
สำหรับสายธุรกิจเยื่อและกระดาษคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ เนื่องจากไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการหยุดซ่อมบำรุงที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 300 ล้านบาทเหมือนใน 4Q65 และราคาเยื่อกระดาษในตลาดลดลง
และคาดว่า SCGP จะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 50 ล้านบาทใน 1Q66 (เทียบกับขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 117 ล้านบาทใน 4Q65) ดังนั้นจึงคาดการณ์กำไรปกติ 1Q66 ที่ 867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.1%QoQ แต่ลดลง 48.7%YoY
รายการสำคัญใน 1Q66 สรุปได้ ดังนี้
1. รายได้ – คาดว่าจะอยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นจาก Sentiment ที่ดีขึ้นหลังจีนกลับมาเปิดประเทศ สำหรับธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ (43% ของยอดขาย) คาดว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศหลักๆ ทุกประเทศ (ประเทศไทยและประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นส่วนใหญ่อย่างเวียดนาม)
แต่จะถูกลดทอนบางส่วนโดยราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลง เพราะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่จีนประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าเป็นศูนย์สำหรับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล (เช่น กระดาษบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกรีไซเคิล และกระดาษกล่องแป้ง) ตั้งแต่ต้นปีนี้
ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษและธุรกิจบรรจุภัณฑ์โพลิเมอร์ (37% ของยอดขาย) ปริมาณการขายและราคาผลิตภัณฑ์ยังแข็งแกร่ง ขณะที่สายธุรกิจเยื่อและกระดาษ (17% ของยอดขาย) จะได้รับผลกระทบจากราคาเยื่อกระดาษใยสั้นที่ปรับตัวลดลงแรงสู่ 741 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ลดลง 12.5%QoQ) ใน 1Q66 แต่คาดว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากจีน
2. อัตรากำไรขั้นต้น – มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นสู่ 15.3% (เพิ่มขึ้น 70 bps QoQ และ 190 bps YoY) ใน 1Q66 เพราะเหตุผลหลายประการด้วยกัน
ประการแรก มาร์จิ้นในธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่สูงขึ้นและการเริ่มรับรู้ต้นทุน RCP ระดับต่ำ เนื่องจากต้นทุน RCP ของ SCGP ปรับตัวตามหลังราคาตลาดอยู่ 3-4 เดือน: ต้นทุน RCP ในตลาดอยู่ที่ 163 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 4Q65, 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 3Q65 และ 275 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 2Q65
ประการที่สอง ต้นทุนถ่านหินคาดว่าจะลดลงตามราคาตลาดที่ปรับตัวลดลง
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
สำหรับแนวโน้มกำไร 2Q66 คาดว่ากำไรจะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยได้รับการสนับสนุนจากความต้องการบรรจุภัณฑ์โดยรวมที่ฟื้นตัวสู่ระดับปกติและต้นทุนโดยรวม (ต้นทุนวัตถุดิบและถ่านหิน) ที่คาดว่าจะลดลง SCGP ตั้งงบสำหรับทำ M&P ในปีนี้ไว้ที่ 9.0 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่ม Upside ให้กับกำไรของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้
ขณะที่กำไรปี 2566 คาดว่าจะเติบโต 21.4%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากการกลับมาเปิดประเทศของจีน โดยปริมาณการขายจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นใน 1H66 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H66
อย่างไรก็ดี ยังคงสมมติฐานตามหลักความระมัดระวังว่ารายได้ในปี 2566 จะเติบโตเพียง 7.3% เทียบกับเป้าของบริษัทที่ 9.5%
กลยุทธ์การลงทุนคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ SCGP ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 65 บาทต่อหุ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ แรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราค่าระวางผันผวน และเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขคำตอบ…ทำไม หุ้นเวียดนาม ดิ่งเกือบจะหนักสุดของโลก ล้างภาพดาวรุ่งแห่งเอเชีย
- จับตา! หุ้นฮ่องกง ดีดกลับจริงหรือแค่ชั่วคราว หลังผู้นำจีนส่งสัญญาณหนุนตลาดหุ้นอีกครั้ง
- ส่อง 9 ตลาดหุ้นเอเชีย ‘อินโดนีเซีย’ แชมป์เงินไหลเข้ามากสุด และเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่ยืนบวก