×

SCC – กลยุทธ์ในการรับมือความท้าทายที่หลากหลาย

19.09.2024
  • LOADING...
SCC

เกิดอะไรขึ้น:

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ได้เปิดเผยกลยุทธ์ระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งหลักๆ มุ่งเน้นไปที่การลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และเพิ่มพอร์ตผลิตภัณฑ์สีเขียว 

 

ธุรกิจซีเมนต์ SCC ยังคงมุ่งเน้นไปที่ตลาดปูนคาร์บอนต่ำ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 40-50% (ใช้เชื้อเพลิงทางเลือกมากขึ้นแทนการใช้ถ่านหิน)

 

โดยจะเน้นส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย รวมถึงตลาดตะวันออกกลาง สำหรับธุรกิจ Smart Living นั้น SCC วางแผนขยายไปยังตลาดส่งออก รวมถึงอินเดียและตะวันออกกลาง โดยจะออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ใช้ AI มากขึ้น เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน

 

ธุรกิจเคมิคอลส์ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ระดับต่ำ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์อุปทานล้นตลาด อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของ SCC คือการปรับปรุงโครงการ Long Son Petrochemical (LSP) ให้สามารถใช้อีเทนเป็นวัตถุดิบเพิ่มเติมจากการใช้แนฟทาและโพรเพน การปรับปรุงโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570-2571 โดยประเมินงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ประมาณหลักร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับถังเก็บก๊าซและสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุน

 

และคาดว่าจะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบถูกลงเมื่อเทียบกับการใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบ โรงงาน LSP ยังคงมีกำหนดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2567 โดยคาดว่าจะสร้างผลขาดทุนจากการดำเนินงานให้กับ SCC ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่อ่อนแอในปัจจุบัน

 

ธุรกิจ SCG Cleanergy เป็นหน่วยธุรกิจใหม่ SCC วางแผนเพิ่มพอร์ตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ 500 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน เป็น 3,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 นอกจากนี้ SCC ก็กำลังมองหาพันธมิตรที่มีเทคโนโลยีนวัตกรรม เช่น Rondo (แบตเตอรี่ความร้อน)

 

InnovestX Research มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อกลยุทธ์ระยะกลางถึงระยะยาวของ SCC เนื่องจากเชื่อว่ากลยุทธ์ในธุรกิจเคมิคอลส์ของ SCC จะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในระยะสั้นยังคงท้าทาย สืบเนื่องมาจากสถานการณ์อุปทานล้นตลาดและอัตราค่าระวางที่สูง ซึ่งจะกดดันส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์โดยรวม

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 


 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCC ปรับขึ้น 17.6% สู่ระดับ 241.0 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 10.3% สู่ระดับ 1,436.60 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 3Q67 ของ SCC จะลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากส่วนต่างราคา HDPE ที่ลดลง 11.3%QoQ มาอยู่ที่ 323 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และส่วนต่างราคา PP ที่ลดลง 6.1%QoQ มาอยู่ที่ 345 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 3Q67 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราค่าระวางสูงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ

 

รวมถึงผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์อุปทานล้นตลาด นอกจากนี้โครงการ LSP จะทำให้ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะยังอยู่ที่ ~1.2 พันล้านบาทต่อไตรมาส เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ธุรกิจ CBM เผชิญกับอุปสงค์ที่ต่ำตามฤดูกาลในฤดูฝนใน 3Q67 และวันหยุดยาวใน 4Q67 แม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ InnovestX Research คงคำแนะนำระยะ 3 เดือนสำหรับ SCC ไว้ที่ NEUTRAL โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 260 บาทต่อหุ้น จากแนวโน้มส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่อ่อนแอ นอกจากนี้โรงงาน LSP แห่งใหม่อาจเริ่มดำเนินการด้วยกระแสเงินสดติดลบในระยะแรกของการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนตุลาคม (คาดว่า 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่กำไรต่ำสุดของปี 2567) รวมถึงยังคาดว่า Consensus จะปรับประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลงด้วย

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงสถานการณ์อุปทานล้นตลาดในธุรกิจซีเมนต์และธุรกิจเคมิคอลส์

 

อัปเดตกลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ InnovestX Research เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/thestandardwealth

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising