×

PTTGC – พรีวิว 3Q66 คาดเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี

19.10.2023
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q66 ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566

 

โดยประเมินผลการดำเนินงาน 3Q66 ว่าจะพลิกกลับมาจากขาดทุนสุทธิ 5.6 พันล้านบาทใน 2Q66 เป็นกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท (0.36 บาทต่อหุ้น) โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจการกลั่นน้ำมัน เนื่องจากค่าการกลั่น (GRM) ที่แข็งแกร่งที่ 12 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 5.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 2Q66 และกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่ 3 พันล้านบาท 

 

แต่ถูกชดเชยด้วยการขาดทุนจากการประกันความเสี่ยง Crack Spread Hedging จำนวน 1.4 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการป้องกันความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล (ประมาณ 30% ของการผลิตน้ำมันดีเซลทั้งหมด) และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1 พันล้านบาทจากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ ผลการดำเนินงานปกติน่าจะเป็นกำไรสุทธิหลักที่ 1.4 พันล้านบาท เทียบกับที่ขาดทุน 2.6 พันล้านบาทใน 2Q66 และเพิ่มขึ้น 66%YoY 

 

ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะยังอ่อนแอใน 3Q66 ซึ่งคาดว่ากำไรจะยังคงลดลงเนื่องจาก Spread ที่แคบลงของทั้งสายอะโรเมติกส์และสายโอเลฟินส์ นอกจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงแล้ว กำไรของธุรกิจอะโรเมติกส์น่าจะได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานตามแผนเป็นเวลา 37 วัน ซึ่งทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจาก 90% ใน 2Q66 เหลือเพียง 70% ใน 3Q66 

 

โอเลฟินส์และโพลีเมอร์อาจยังคงอ่อนแอใน 3Q66 เนื่องจากสัดส่วนวัตถุดิบอีเทน (34% ของทั้งหมดใน 3Q66) ยังคงต่ำกว่าปกติ (>50%) แม้ว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มโอเลฟินส์จะเพิ่มขึ้นจาก 81% ใน 2Q66 เป็น 90% ใน 3Q66 เนื่องจาก มีแผนปิดโรงงานโอเลฟินส์ (OLE 2/2) ใน 2Q66 สัดส่วนอีเทนที่ลดลงถูกแทนที่ด้วยการใช้โพรเพนที่สูงขึ้น หลังจากที่โครงการ OMP เริ่มดำเนินการใน 2Q66 ซึ่งทำให้สามารถใช้โพรเพนได้มากขึ้นจาก 29% เป็น 40% และคาดว่ากลุ่มโพลีเมอร์จะฟื้นตัวเล็กน้อย เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นและผลกระทบจากฐานใน 2Q66 ซึ่งได้รับผลกระทบการขายผลิตภัณฑ์ที่ผิดสเปกต่ำกว่าทุน 

 

ด้านกำไรจากธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษน่าจะทรงตัว QoQ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Allnex (เรซินเคลือบและสารเติมแต่ง) คาดว่าจะทรงตัว QoQ แม้ว่าจะอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ในตอนแรกเมื่อ PTTGC เข้าซื้อกิจการในปลายปี 2564 เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดที่ตกต่ำในยุโรป แม้ว่าอัตรากำไร EBITDA ของ Allnex จะยังคงอยู่ในระดับพรีเมียมเมื่อเทียบกับอัตรากำไรโดยรวมของ PTTGC แต่ปริมาณการขายยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปอยู่ในระดับก่อนโควิดได้ 

 

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ Vencorex (ไอโซไซยาเนตที่ใช้ในการเคลือบและกาวโพลียูรีเทน) อาจยังคงส่งผลลบต่อกำไรจากกลุ่มเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ เนื่องจากอุปสงค์ในยุโรปที่ชะลอตัวลง 

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTTGC ปรับลง 1.43%MoM อยู่ที่ระดับ 34.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 5.87%MoM อยู่ที่ระดับ 1,437.85 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

 

ใน 4Q66 ยังคงคาดว่ากำไรของ PTTGC จะยังคงอ่อนตัว แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลจะยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากอุปสงค์ตามฤดูกาล InnovestX Research มองว่า อุปสงค์ที่ชะลอตัวและความไม่สมดุลของอุปทานในตลาดปิโตรเคมีน่าจะยังคงส่งผลกระทบต่อรายได้จากธุรกิจปิโตรเคมี ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงตามราคาน้ำมัน 

 

ความเสี่ยงด้านลบต่อประมาณการกำไรในปี 2566 คือ ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากสต๊อกในระดับสูง แม้ว่าจะยังไม่น่าเป็นไปได้ก็ตาม

 

สำหรับปี 2566 คาดว่าผลการดำเนินงานยังคงเป็นผลขาดทุน ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ซบเซาในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่อยู่ในจีนและตะวันออกกลาง 

 

อย่างไรก็ดี มองว่าขาดทุนจากรายการพิเศษที่ลดลง (ส่วนใหญ่เป็นขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและอะโรเมติกส์เป็นแรงขับเคลื่อนหลักในปี 2566 ในขณะที่ธุรกิจโอเลฟินส์และโพลีเมอร์อาจยังคงอ่อนแอกว่าปกติ เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ตกต่ำและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง

 

ดังนั้นด้วยการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ยังคงเป็นผลขาดทุน แม้ว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นใน 3Q66 จึงยังคงเรตติ้ง Neutral สำหรับ PTTGC โดยให้ราคาเป้าหมาย 50 บาทต่อหุ้น อิงจาก 0.8x PBV

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ

 

  • ราคาน้ำมันดิบและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและธุรกิจปิโตรเคมี
  • ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากวัตถุดิบก๊าซที่ลดลง
  • รายการด้อยค่าของสินทรัพย์
  • การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (<3% ของกำลังการผลิต)
  • การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาลในการจัดสรรอุปทานก๊าซภายในประเทศให้แก่ธุรกิจปิโตรเคมี
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising