×

OSP – พรีวิว 4Q66 ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายพิเศษ

29.01.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q66 ของ บมจ.โอสถสภา (OSP) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดยคาดว่า OSP จะรายงานกำไรสุทธิ 4Q66 จำนวน 464 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 37.9%YoY แต่ลดลง 27.8%QoQ) โดยอิงกับรายได้ที่ 6.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1%YoY และ 3.5%QoQ) ทั้งนี้ใน 4Q66 แม้ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศรวมทั้งหมดจะเติบโต QoQ แต่ส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยจาก 46.5% ใน 3Q66 สู่ 46% ส่งผลทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังโดยรวมในปี 2566 ของ OSP อยู่ในช่วง 46-47.5% ต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 47-49% ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น QoQ โดยส่วนใหญ่เกิดจาก CLMV 

 

การปิดโรงงานผลิตขวดแก้วในสมุทรปราการใน 4Q66 จะทำให้ OSP ต้องบันทึกรายการพิเศษเป็น 2 รายการ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน 4Q66 คือ การรับรู้ต้นทุนขายเพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูงขึ้นจากผลประโยชน์พนักงาน ดังนั้นจึงคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้น 4Q66 ที่ 35.2% ลดลงเล็กน้อย QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY 

 

หากไม่มีรายการดังกล่าว อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้น QoQ อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 27.1% สำหรับปี 2566 ปรับประมาณการรายได้ลดลงเล็กน้อย 1% สู่ 2.6 หมื่นล้านบาท (ลดลง 4.5%) ในขณะที่การรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษใน 4Q66 ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2.64 พันล้านบาท สู่ 2.43 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 25.8%) 

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น OSP ปรับลง 3.20% สู่ระดับ 21.20 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.20% สู่ระดับ 1,368.15 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

ด้วยยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังฟื้นตัวช้าและส่วนแบ่งการตลาดยังอ่อนแอ InnovestX Research จึงปรับประมาณการรายได้ปี 2567 ลดลง 5% สู่ 2.71 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.4%) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะฟื้นตัวสู่ 34.8% เทียบกับระดับที่ประเมินได้ที่ 34.5% ในปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากต้นทุนอะลูมิเนียม ก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้าที่ลดลง ในขณะที่ต้นทุนน้ำตาลสูงขึ้น หากไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษใน SG&A คาดว่าประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นโดยได้แรงหนุนจากนโยบาย ‘Fast Forward 10X’ ของ OSP จะช่วยสนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.8% สู่ 2.6 พันล้านบาท 

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ OSP โดยปรับราคาเป้าหมายปี 2567 ลดลงสู่ 31 บาทต่อหุ้น (จาก 33 บาท) อ้างอิง PE เฉลี่ย 35 เท่า โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรสุทธิในปี 2566 ของ OSP ซึ่งจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 รวมถึงประสิทธิภาพด้านต้นทุนที่ดีขึ้น ส่วนราคาหุ้น OSP ปรับตัวลดลง 10% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษใน 4Q66 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบหลักๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้า, ความผันผวนของปริมาณการขายในตลาด CLMV และนโยบายการเงิน และการฟื้นตัวของการบริโภค ESG: OSP ถูกจัดอยู่ในรายชื่อหุ้น SET ESG Ratings ที่ ระดับ ‘AA’ บริษัทตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 30% ภายในปี 2573 และสานเป้าหมายระยะยาวมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593  

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising