เกิดอะไรขึ้น:
วันนี้ (27 สิงหาคม) ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีมติเห็นชอบเปิดกิจการและกิจกรรมเพิ่มเติม ภายใต้มาตรการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดด้วย COVID-FREE Setting ซึ่งเป็นมาตรการนำร่อง และจะบังคับใช้ทุกร้านในพื้นที่สีแดงเข้ม โดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 กันยายน 2564 ซึ่งสรุปได้ดังนี้
กลุ่มธุรกิจร้านอาหารเปิดแอร์ นั่งรับประทานได้ 50% ของจำนวนที่นั่งในร้าน แต่ร้านอาหารไม่เปิดแอร์ นั่งรับประทานได้ 75% ของจำนวนที่นั่งในร้าน
กลุ่มห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านสะดวกซื้อ ให้เปิดตามปกติจนถึงเวลา 20.00 น. ภายใต้มาตรการควบคุม แต่ยังปิดให้บริการสถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย ห้องประชุมและสัมมนา
กลุ่มธุรกิจขนส่งเปิดให้บริการขนส่งสาธารณะ โดยจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% และขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงเดินทางข้ามจังหวัด เว้นแต่มีเหตุจำเป็น และยังห้ามประชาชนออกจากเคหสถานเวลา 21.00-04.00 น.
ธุรกิจอื่นๆ เช่น ร้านเสริมสวย ให้เฉพาะตัดผมไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวดเปิดได้เฉพาะนวดฝ่าเท้า คลินิกเสริมความงามให้เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น
กระทบอย่างไร:
วันนี้ SET Index ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ 1,613.02 จุด ก่อนที่จะกลับมาปิดที่ระดับ 1,611.20 จุด เพิ่มขึ้น 9.29 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.58%DoD
มุมมองต่อหุ้นกลุ่มอาหาร:
SCBS มีมุมมองเป็นบวกต่อการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มอาหาร อย่างไรก็ดี ขนาดหรือระดับของผลบวกยังขึ้นอยู่กับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่นำมาใช้ว่าจะส่งผลต่อความสะดวกของผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด เช่น วิธีการคัดกรองผู้เข้าใช้บริการในร้านอาหาร รวมถึงความพร้อมของผู้ประกอบการ
มุมมองต่อหุ้นกลุ่มพาณิชย์:
การกลับมาเปิดร้านค้าในห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ได้ SCBS มองว่าจะเป็นบวกมากสุดต่อ CRC, HMPRO, COM7, CPW ถึงแม้จะมีข้อจำกัดเข้าใช้บริการ แต่จะยังทำให้ปริมาณผู้เข้าใช้บริการยังไม่กลับมาในระดับปกติ
มุมมองต่อกลุ่มขนส่ง:
SCBS มีมุมมองเป็นบวกต่อการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าของ BTS และ BEM อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวอาจไม่ได้รับผลบวกมากนัก เพราะ ศบค. ยังขอความร่วมมืองดเดินทางข้ามจังหวัดหากไม่จำเป็น ขณะที่ผู้ประกอบการขนส่งพัสดุอย่าง KEX อาจเห็นผลกระทบเชิงลบจากปริมาณขนส่งที่มีโอกาสลดลงหลังคนออกมาจับจ่ายใช้สอยนอกบ้านได้มากขึ้น