×

CRC เติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้แผนธุรกิจ 5 ปี

09.02.2022
  • LOADING...
CRC

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวานนี้ (8 กุมภาพันธ์ 2565) บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เปิดเผยแผนธุรกิจในระยะ 5 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโต 2.5 เท่า และ EBITDA เติบโต 3.5 เท่า ซึ่งตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพื่อรับมือกับเทรนด์เกิดใหม่ CRC จะใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จาก CRC Central Group และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (โมบายล์แบงกิ้ง พันธมิตรค้นหาตลาด ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่) สนับสนุนธุรกิจของบริษัท โดยจะนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อในทุกช่องทาง ปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค และสร้างความสัมพันธ์เฉพาะตัวกับลูกค้าแต่ละราย

 

CRC วางแผนยกระดับแพลตฟอร์มค้าปลีก Omnichannel เร่งการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลัก เดินหน้าสร้างธุรกิจใหม่ และขยายธุรกิจภายใต้แนวคิดสร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ตเนอร์ การเข้าซื้อกิจการ และการ Spin-off 

 

บริษัทวางแผนปลดล็อกมูลค่าโดยนำ MEB (ธุรกิจ E-Book ภายใต้ COL ซึ่ง CRC เข้าซื้อกิจการในปี 2564) เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงปลายปี 2565 ขณะที่บริษัทตัดสินใจไม่เข้าลงทุนใน Selfridges (ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าในอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และไอร์แลนด์) เนื่องจาก ROI ที่คาดการณ์อยู่ในระดับปานกลาง และบริษัทต้องการมุ่งเน้นตลาดที่เติบโตสูงในประเทศไทยและเวียดนาม เนื่องจากบริษัท ห้างเซ็นทรัลดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด (HCDS ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ CRC) จะเข้าลงทุนใน Selfridges ดังนั้น CRC จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมผ่านการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับแบรนด์ระดับโลก

 

ส่วนเป้าหมายปี 2565 ได้ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตมากกว่า 20%YoY โดยตั้งเป้ารายได้ค้าปลีกเติบโต 15-20%YoY SSS ฟื้นตัวดีขึ้น และขยายสาขาเชิงรุกที่ 500 สาขา (สามเท่าของจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นในปี 2563-2564) ทั้งนี้เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจ CRC ตั้งเป้ายอดขายธุรกิจแฟชั่นเติบโต 30-35%YoY ธุรกิจฮาร์ดไลน์เติบโต 15-20%YoY และธุรกิจฟู้ดเติบโต 5-10% เมื่อแยกตามประเทศ ในประเทศไทยและเวียดนามเติบโต 15-20%YoY และอิตาลีเติบโต 10-15% CRC ตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากช่องทาง Omnichannel ต่อยอดขายทั้งหมดที่ 25% (จาก 20% ในปี 2564, 10% ในปี 2563, 3% ในปี 2562)

 

ด้านรายได้จากการให้เช่าจะปรับตัวดีขึ้น YoY เพราะอัตราการเช่าพื้นที่ดีขึ้น ให้ส่วนลดค่าเช่าลดลง และจะมีศูนย์การค้าใหม่ 4 แห่ง CRC ตั้งเป้าขยายมาร์จิ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตของ EBITDA ที่สองเท่าของการเติบโตของยอดขาย จากแรงหนุนยอดขายในธุรกิจแฟชั่นที่ให้มาร์จิ้นสูงฟื้นตัว ยอดขายสินค้า Private Brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงจากธุรกิจฟู้ดและธุรกิจฮาร์ดไลน์เพิ่มขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายทรงตัวหรือลดลง ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.8-2.0 หมื่นล้านบาท 40% สำหรับการขยายสาขา 35% สำหรับการปรับปรุงสาขา 15% สำหรับธุรกิจใหม่/รูปแบบร้านใหม่ และ 10% สำหรับการลงทุนด้านออนไลน์และไอที

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น CRC ปรับตัวขึ้น 22.1%MoM สู่ระดับ 38.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 2.9%MoM สู่ระดับ 1,705.43 จุด

 

มุมมองระยะสั้น:

แนวโน้มยอดขายสาขาเดิม (SSS) ในเดือนมกราคม 2565 ของ CRC คาดจะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ 25-30%YoY จากทุกกลุ่มธุรกิจและในทุกประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจาก

  1. ฐานต่ำของปีก่อนและผลกระทบที่มีจำกัดจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในปีนี้ เพราะอัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้น
    2. การปรับราคาผลิตภัณฑ์สืบเนื่องมาจากเงินเฟ้อ
    3. ผลกระทบของปีปฏิทินในเชิงบวกจากเทศกาลตรุษจีนที่มาถึงเร็วขึ้น 
  2. มาตรการลดหย่อนภาษีช้อปปิ้ง ซึ่ง CRC คาดว่ามาตรการลดหย่อนภาษีช้อปปิ้งจะส่งผลดีต่อยอดขายใน 1Q65 ของบริษัท ใกล้เคียงกับมาตรการล่าสุดที่หนุนให้ SSS เติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 4% ใน 4Q63

 

สำหรับผลประกอบการใน 4Q64 SCBS คาดมีกำไรปกติที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 173%YoY และฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 2.1 พันล้านบาท ใน 3Q64 โดยได้แรงหนุนจาก SSS ที่ฟิ้นตัวดีขึ้น (เพิ่มขึ้น 8% YoY) รายได้จากการให้เช่าที่ดีขึ้น QoQ หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นจากสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายได้ดีขึ้น

 

มุมมองระยะยาว:

SCBS คาดว่าในปี 2565 กำไรของ CRC จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากยอดขายปลีกและรายได้จากการให้เช่าทำฐานต่ำในปี 2564 อันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด ขณะที่ประเทศไทยและเวียดนามจะเป็นประเทศสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของ CRC จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เมื่อพิจารณาที่หน่วยธุรกิจ ธุรกิจฟู้ดและธุรกิจฮาร์ดไลน์จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับการขยายธุรกิจ

 

ในขณะที่ธุรกิจแฟชั่นจะมุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนและฟื้นฟูร้านค้า แพลตฟอร์ม Omnichannel จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตอีกทางหนึ่ง โดย CRC วางแผนเพิ่มยอดขายผ่านทางการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น ขยายช่องทางที่มีอยู่และเพิ่มช่องทางใหม่ๆ และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรจากการขายในปริมาณที่มากขึ้นและการบริหารผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงและต้นทุนโลจิสติกส์ได้ดีขึ้น

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising