×

BTS – ขาดปัจจัยบวกกระตุ้น

03.06.2023
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) รายงานขาดทุนสุทธิ 222 ล้านบาท ใน 4QFY66 (มกราคม-มีนาคม 2566) แย่ลงจากที่มีกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านบาท ใน 3QFY66 และกำไรสุทธิ 812 ล้านบาท ใน 4QFY65 

 

หากตัดรายการพิเศษออกไป พบว่าบริษัทมีขาดทุนปกติ 38 ล้านบาท ใน 4QFY66 แย่ลงจากที่มีกำไรปกติ 1.2 พันล้านบาท ใน 3QFY66 และกำไรปกติ 588 ล้านบาท ใน 4QFY65 สาเหตุหลักที่ทำให้ผลประกอบการอ่อนแอคือ ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของ RABBIT และ KEX (บันทึกภายใต้ส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุนจากเงินลงทุน) รวมถึงขาดทุนจำนวนมากถึง 743 ล้านบาท จากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในตราสารหนี้ 

 

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่อ่อนแอของ JMART และการลงทุนใน STARK ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการอ่อนแอ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของเงินลงทุนสองรายการนี้จะถูกปรับปรุงที่รายการกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นในงบดุล กำไรสุทธิปี FY2566 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 52%YoY โดยมีสาเหตุมาจากรายได้งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่ลดลง เนื่องจากการก่อสร้างสองโครงการนี้ใกล้แล้วเสร็จ และส่วนแบ่งกำไรที่อ่อนแอ (หลักๆ เกิดจาก KEX)

 

สำหรับประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ ภาพรวมเป็นกลาง โดยผู้บริหารชี้แจงว่าขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในตราสารหนี้จำนวนมากที่บันทึกใน 4QFY66 มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตร อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจโลก แนวโน้มใน 1QFY67 (เมษายน-มิถุนายน 2566) ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะเริ่มทดลองวิ่งในวันที่ 3 มิถุนายน ถึง 3 กรกฎาคม และคาดว่าจะเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์ได้ในวันที่ 4 กรกฎาคม 

 

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของ รฟม. โดยจะต้องมีผู้โดยสารจำนวน 130,000 เที่ยวคนต่อวัน เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรสุทธิ เทียบกับสมมติฐานที่ 75,000 เที่ยวคนต่อวัน สำหรับการดำเนินงานปีแรก BTS คาดว่าจะเปิดให้บริการสายสีชมพูได้ในช่วงต้นปี 2567 นอกจากนี้ผู้บริหารยังระบุด้วยว่าบริษัทไม่มีการลงทุนในหุ้นกู้ของ STARK  

  

กระทบอย่างไร:

 

วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ราคาหุ้น BTS ปรับลดลง 5.9%DoD อยู่ที่ระดับ 7.05 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.40%DoD อยู่ที่ระดับ 1,521.40 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี FY2567:

 

InnovestX Research คาดว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมาเป็นบวกใน 1QFY67 โดยจะปรับตัวดีขึ้น QoQ เนื่องจากคาดว่าจะไม่มีการบันทึกขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในตราสารหนี้จำนวนมากเกิดขึ้นอีก ส่วน YoY ผลประกอบการน่าจะอ่อนแอลง โดยมีสาเหตุมาจากรายได้งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่ลดลง 

 

อย่างไรก็ตาม ได้ปรับประมาณการกำไรปี FY2567 (เมษายน 2566 – มีนาคม 2567) ของ BTS ลดลง 11.3% สู่ 1.9 พันล้านบาท (ลดลง 2.2%YoY) หลักๆ เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการผลประกอบการของ KEX ลดลงเมื่อไม่นานนี้หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการ 1Q66 ที่อ่อนแอ และจากรายได้งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายเหลืองที่ลดลง และต้นทุนเพิ่มเติมในการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู โดยเชื่อว่าการดำเนินงานปีแรกน่าจะมีผลขาดทุน

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำ Tactical Call สำหรับ BTS ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ปรับใหม่เป็น 12.0 บาทต่อหุ้น สะท้อนการปรับประมาณการกำไรลดลง รวมถึงราคาหุ้น VGI ที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 7.5 บาท หากไม่มีการต่อสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกที่จะกระตุ้นให้ราคาหุ้น BTS ปรับตัวขึ้นได้ในระยะ 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณาประเด็นหนี้ กทม. และการต่อสัมปทาน

 

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าทุกธุรกิจของ BTS อยู่ในช่วงฟื้นตัว และคาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในปี FY2568 (เมษายน 2567 – มีนาคม 2568) แนวโน้มระยะยาวเป็นบวก เนื่องจากมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการที่จะเปิดประมูล เช่น รถไฟฟ้า และมอเตอร์เวย์ ซึ่ง BTS มีโอกาสชนะการประมูล นอกจากนี้แล้ว BTS ก็มีโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กำไรของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

ปัจจัยเสี่ยงและความกังวลสำคัญที่ต้องติดตามคือ ประเด็น Overhang เกี่ยวกับการต่อสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวและการชำระหนี้จาก กทม. จะยังคงเป็นตัวจำกัด Upside ของราคาหุ้น เนื่องจากยังไม่มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising