เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 จำนวน 601 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน หากตัดรายการนี้ออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 423 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY และเพิ่มขึ้น 52%QoQ) ดีกว่าตลาดคาดอยู่ 8% กำไรที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY เกิดจากฐานต่ำของปีก่อน และกำไรที่เติบโต QoQ ได้แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 72%YoY และ 19%QoQ)
อันเป็นผลมาจากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยและธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในมาเลเซียที่เติบโตเพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งที่ 11.1% (เทียบกับ 9.3% ใน 3Q64 และ 10.1% ใน 2Q65) และการดำเนินงานในโปรตุเกสที่ดีขึ้น (คุ้มทุน เทียบกับขาดทุน ~20 ล้านบาท ใน 2Q65) กำไรสุทธิ 9M65 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 58%YoY) หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 73%YoY)
สำหรับเป้าหมายปี 2566 AH ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15% (กลับสู่แนวโน้มการเติบโตตามปกติ เทียบกับเป้าหมายปี 2565 ที่เติบโต 30%) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 10-12% (ทรงตัวจาก 10.8% ใน 9M65) ยอดขายที่เติบโตจะได้แรงหนุนจากยอดการผลิตรถยนต์ของไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยการผลิตเพลารถกระบะตามคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งเริ่มผลิตในช่วงปลาย 2Q65 (มูลค่ารวม ~1 พันล้านบาทต่อปี) ได้เต็มปี และคำสั่งซื้อใหม่จาก Vinfast ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเวียดนาม ให้ผลิตชิ้นส่วนประกอบตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า (~500-600 ล้านบาทต่อปี)
AH มีการผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและยุโรป แต่สัดส่วนยอดขายในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ บริษัทคาดว่าชิ้นส่วนรถยนต์ ICE จะยังคงสร้างยอดขายส่วนใหญ่ให้กับบริษัทในระยะ 10 ปีข้างหน้า
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AH ปรับเพิ่มขึ้น 15.70%MoM สู่ระดับ 35.00 บาท ดีกว่า SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.47%MoM สู่ระดับ 1,648.44 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565-2566:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปกติของ AH เพิ่มขึ้น 44% ในปี 2565 และ 26% ในปี 2566 ประมาณกำไรที่ปรับใหม่บ่งชี้ว่ากำไรปกติ 4Q65 จะเติบโต YoY (ยอดขายสูงขึ้นและการดำเนินงานในโปรตุเกสดีขึ้น) แต่จะลดลง QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาล
ทั้งนี้ กำไรปกติของ AH จะกลับสู่ระดับปกติ โดยจะเติบโต 8% ในปี 2566 หลังจากเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 84%YoY ในปี 2565
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงไม่น่าสนใจ โดยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 InnovestX Research ได้ปรับขึ้นสู่ 38 บาทต่อหุ้น (จากราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 26 บาทต่อหุ้น) โดยอิงกับ PE 8.6 เท่า ซึ่งเป็น PE เฉลี่ยในปี 2560-2561 ซึ่งเป็นช่วงที่การดำเนินงานและกำไรของ AH เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากอยู่ในทิศทางขาลงเป็นเวลานานในปี 2556-2558 เนื่องจากโครงการรถยนต์คันแรกได้ดึงเอาความต้องการซื้อล่วงหน้า จากนั้นจึงฟื้นตัวในปี 2559
ทั้งนี้ ผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายใหม่ดังกล่าว หลังจากราคาหุ้น AH ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 28% YTD เทียบกับ SET ที่ลดลง 1% โดยคงคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือน สำหรับ AH ไว้ที่ NEUTRAL
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะการดำเนินงานของ AH ในโปรตุเกส (16% ของยอดขาย) และ
- การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่งผลทำให้ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งแต่การประกอบรถยนต์ไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หยุดชะงัก
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567