เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 2QFY65 (มิถุนายน-สิงหาคม 2565) ของ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AEONTS ปรับเพิ่มขึ้น 0.85%MoM สู่ระดับ 177.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 1.62%MoM สู่ระดับ 1,651.53 จุด
มุมมองระยะสั้น:
InnovestX Research คาดการณ์กำไร 2QFY65 (มิถุนายน-สิงหาคม 2565) จะลดลง 12%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 51%YoY สู่ 1.02 พันล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเทียบ QoQ กำไร 2QFY65 ที่คาดว่าจะลดลง 12% เป็นเพราะไม่มีกำไรจากการขาย NPL จำนวน 105 ล้านบาท เหมือนในไตรมาสก่อน ขณะที่จะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการตัดจำหน่ายหนี้สูญมากขึ้น และค่าใช้จ่ายทางการตลาดสูงขึ้น แม้ว่ารายได้จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสินเชื่อที่เติบโตเร่งตัวขึ้น
ขณะที่เมื่อเทียบ YoY กำไร 2QFY65 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 51% เกิดจากรายได้ที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของสินเชื่อและการตั้งสำรองลดลง
ใน 5MFY65 AEONTS พบว่าสินเชื่อเติบโต ~4%YTD และ ~10%YoY (เทียบกับ 7%YoY ใน 1QFY65) ซึ่งบ่งชี้ว่าการเติบโตของสินเชื่อ QoQ จะเร่งตัวขึ้นจาก 1.9% ใน 1QFY65 สู่ ~3% ใน 2QFY65 สินเชื่อที่เติบโตดีเกิดจากสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ของ AEONTS น่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ บริษัทพบว่าการติดตามหนี้ในภาคใต้ทำได้ดีขึ้น ทั้งนี้ InnovestX Research ได้ปรับประมาณการ Credit Cost ปี FY2565 ลดลง 5 bps สู่ 7.25% ซึ่งหมายความว่า Credit Cost จะลดลง 18 bps โดยมีสาเหตุมาจากการ Management Overlay ECL ที่ลดลง
โดย AEONTS มีการตั้งสำรอง Management Overlay จำนวนมากถึง 1.2 พันล้านบาท สำหรับ 2QFY65 ซึ่งคาดว่า Credit Cost จะลดลงมากถึง 193 bps YoY (เพราะ Management Overlay ECL ลดลง) แต่จะเพิ่มขึ้น 49 bps QoQ สู่ 7.3% เพื่อรองรับการตัดจำหน่ายหนี้สูญมากขึ้น
นอกจากนี้ธุรกิจใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นเพิ่งอนุมัติให้ AEONTS ขยายธุรกิจสู่สินเชื่อจำนำทะเบียน ซึ่งจะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อในระยะยาว AEONTS อยู่ระหว่างการจัดตั้ง AMC เพื่อดำเนินธุรกิจบริหาร NPL โดยจะซื้อ NPL ที่ไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินอื่นๆ
มุมมองระยะยาว:
ในปี FY2565 InnovestX Research คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 22% หลักๆ ได้แรงหนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง และการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น และคาดว่าการขยายธุรกิจสู่สินเชื่อดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นให้การเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก 4% ในปี FY2564 สู่ 10% ในปี FY2565 ขณะที่คาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้น 40 bps โดยเกิดจากผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ให้คำแนะนำสำหรับ AEONTS ขึ้นจาก NEUTRAL สู่ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายที่ 213 บาทต่อหุ้น (PBV 2 เท่า หรือ PE ปี FY2566 ที่ 11.1 เท่า) เพราะ Valuation น่าสนใจ (PE 10 เท่า เทียบกับ EPS Growth 22% และ PBV 1.9 เท่า เทียบกับ ROE 20%)
หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้ว 17% จากจุดสูงสุด YTD ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ซึ่งคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้ดีที่ 22% ในปี FY2565 และ 10% ในปี FY2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้นและ ECL ที่ลดลง
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากราคาน้ำมันสูง และ
- ความเสี่ยงด้าน NIM จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาด