เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) รายงานกำไรสุทธิ 2QFY67 (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) เพิ่มขึ้น 57%QoQ (หลักๆ เกิดจากกำไรจากการขาย NPL และ ECL ที่ลดลง) แต่ลดลง 2%YoY มาอยู่ที่ 822 ล้านบาท สูงกว่าคาด 17% หลักๆ เกิดจาก Non-NII ที่ดีกว่าคาด และ OPEX ที่ต่ำกว่าคาด โดยสรุปรายละเอียดได้ดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์: Credit Cost ลดลง 46 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 39 bps YoY) สู่ 8.69% ใน 2QFY67 ตามคาด หลังจากเร่งตั้ง ECL เพื่อรองรับการปรับเพิ่มอัตราการชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำจาก 5% ในปี 2566 เป็น 8% ในปี 2567 อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 19 bps QoQ มาอยู่ที่ 5.58% LLR Coverage ลดลงเหลือ 159% จาก 168% ณ 1QFY67
- การเติบโตของสินเชื่อ: สินเชื่ออยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ (ลดลง 3%YoY) ใน 2QFY67 สินเชื่อบัตรเครดิตลดลง 2%QoQ (จากการปรับเพิ่มอัตราการชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำ) สินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น 9%QoQ (หลักๆ เกิดจากสินเชื่อรถยนต์มือสอง)
- NIM: เพิ่มขึ้น 12 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 18 bps YoY) ใน 2QFY67 อัตราผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 11 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 17 bps YoY) ใน 2QFY67 ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 3 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 1 bps YoY) ใน 2QFY67 น้อยกว่าที่คาดการณ์
- Non-NII: เพิ่มขึ้น 21%QoQ (เพิ่มขึ้น 14%YoY) จากกำไรจากการขาย NPL จำนวน 172 ล้านบาท (เทียบกับที่ไม่มีรายการนี้ใน 1QFY67 และเพิ่มขึ้น 3%YoY) รายได้หนี้สูญรับคืน (เพิ่มขึ้น 2%QoQ และ 19%YoY) และรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย (เพิ่มขึ้น 7%QoQ และ 6%YoY)
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: ลดลง 287 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 75 bps YoY) สู่ 41.34% OPEX ลดลง 3%QoQ (เพิ่มขึ้น 3%YoY) ต่ำกว่าที่คาดการณ์
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AEONTS ปรับขึ้น 3.68% อยู่ที่ 141.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 1.76% อยู่ที่ 1,452.80 จุด
แนวโน้มผลประกอบการระยะสั้น:
กำไร 1HFY67 คิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรเต็มปี (ลดลง 8%) InnovestX Research คาดว่ากำไร 3QFY67 จะลดลง QoQ (หลักๆ เป็นเพราะไม่มีกำไรจากการขาย NPL) แต่จะเพิ่มขึ้น YoY (หลักๆ เกิดจาก Non-NII ที่สูงขึ้น) สำหรับ 4QFY67 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างดี QoQ (หลักๆ เกิดจากกำไรจากการขาย NPL และ ECL ที่ลดลง) แต่จะลดลง YoY (จาก ECL ที่สูงขึ้น)
ปัจจุบันคาดว่ากำไรปี FY2567 จะลดลง 8% โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 2% NIM ในระดับทรงตัว Non-NII ที่เติบโต 22% (หลักๆ เกิดจากรายได้หนี้สูญรับคืน รายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย และรายได้อื่น) และ Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น 68 bps
กลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ AEONTS และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 158 บาทต่อหุ้น (PBV 1.4 เท่า หรือ PE 12.3 เท่า สำหรับปี 2568) โดยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่
- การคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2HFY67 และปี FY2568
- ปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
- ผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์จากการที่รัฐบาลแจกเงินสด 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางในเดือนกันยายน
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง, ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบจากมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ความเสี่ยง ESG ด้านการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct)