ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 มิถุนายน) มาร์ก คิวแบน นักลงทุนและมหาเศรษฐีพันล้านจากรายการ Shark Tank กล่าวผ่านทาง Twitter ส่วนตัว ว่า 99% ของเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีจะล้มเหลว แต่เหรียญผู้ชนะที่เหลือจะเป็นตัวเข้ามาปฏิวัติวงการ
โดยประโยคดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มาร์กมีประเด็นถกเถียงด้านคริปโตผ่าน Twitter กับ จอห์น รีด สตาร์ก หนึ่งในผู้ตั้งข้อสงสัยต่อคริปโต และเป็นผู้ก่อตั้งสำนักงานเกี่ยวกับการกำกับดูแลบนอินเทอร์เน็ตของ ก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC Internet Enforcement Office)
จอห์นกล่าวว่า Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะ ที่ทำงานอยู่บนคริปโตนั้นก็ไม่ได้ ‘ฉลาด’ หรือเป็น ‘สัญญา’ อย่างที่อ้างไว้ เพราะหากเกิดการหลอกลวงหรือฉ้อฉลกัน Smart Contract เหล่านี้ก็ไม่สามารถปกป้องนักลงทุนได้อย่างที่ควรจะเป็น
จอห์นมองว่า Smart Contract ไม่ได้มีความฉลาดหรือน่าไว้วางใจเท่าไรนัก แต่เป็นแค่เพียงโค้ดชนิดหนึ่งที่สามารถแก้ไขตามความต้องการของเจ้าของโค้ดได้ทุกเมื่อ
มาร์กจึงตอบความเห็นของจอห์นกลับไปว่า ในตอนแรกที่เขาก่อตั้งบริษัทนั้นผู้คนต่างมองว่าบริษัทเขาสร้างสิ่งที่ไม่จำเป็น จนกระทั่งเวลาผ่านไปผู้คนถึงจะเริ่มพึ่งพาบริการของบริษัทเขาโดยไม่รู้ตัว
โดยมาร์กชี้ว่า Smart Contract เพิ่งเกิดขึ้นมาได้เพียง 6 ปีเท่านั้นเอง แม้ชื่อมันอาจจะไม่ถูกต้องอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ระบบดังกล่าวสามารถใช้งานได้จริงอย่างแน่นอน
แต่ในท้ายที่สุดบริษัทที่เกี่ยวกับคริปโต 90% จะหายล้มละลาย และเหรียญคริปโตกับสตาร์ทอัพด้าน ‘Large Language Model’ (ซึ่งเป็น Artificial Intelligence) กว่า 99% ก็จะหายไปเช่นกัน เช่นเดียวกับบริษัทอินเทอร์เน็ตในยุคแรก
และผู้ชนะที่เหลืออยู่ก็จะเป็นตัวที่จะเข้ามาปฏิวัติวงการทั้งหมด นั่นแหละคือรูปแบบการเป็นไปของวงการเทคโนโลยี
มาร์กจึงได้ยกตัวอย่างแพลตฟอร์ม อย่างเช่น Book.io ที่นำหนังสือเขาไปขายในรูปแบบ NFTs ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีจากการใช้ Smart Contract เข้ามาช่วยในด้านการติดตามหนังสือและการชำระค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งจะไม่สามารถพบได้ในการขายหนังสือรูปแบบดั้งเดิมอีกเช่นกัน
อ้างอิง: