×

Mario Moretti Polegato ชายผู้ใช้มีดเจาะพื้นรองเท้าจนกลายเป็นแบรนด์ GEOX

16.11.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MINS READ
  • จากแบรนด์รองเท้าที่เรามองเผินๆ แล้วนึกว่าเป็นแบรนด์รองเท้าแฟชั่นคุณภาพดีทั่วไป แต่มาริโอตั้งใจใส่เอกลักษณ์ความเป็นอิตาเลียนที่เป็นบ้านเกิดของเขาในการออกแบบ บวกกับเทคโนโลยีรูระบายอากาศในพื้นรองเท้าทุกคู่ ทุกดีไซน์ จนทำให้ GEOX ประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน

เพียงเห็นโลโก้แบรนด์ GEOX หลายๆ คนคงคุ้นตาอยู่บ้าง เพราะแบรนด์รองเท้าสัญชาติอิตาลีแบรนด์นี้กระจายตัวอยู่รอบโลก แถมยังก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1995 แต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจความหมายของสโลแกน ‘Shoes That Breathe’ และเทคโนโลยีเบื้องหลังของ GEOX

 

วันนี้ THE STANDARD POP มีโอกาสพูดคุยกับ มาริโอ โมเรตติ โพลีกาโต ผู้ก่อตั้งแบรนด์ GEOX ถึงที่มาของแบรนด์รองเท้าที่มีนวัตกรรมหนึ่งเดียวของโลก

 

 

The Shoes

มาริโอมาในชุดสูทที่ดูเป็นทางการ แต่มีรายละเอียดที่คัฟลิงก์รูปพื้นรองเท้าที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของ GEOX

 

“ในโลกนี้มีประชากรถึง 95% ที่ใช้รองเท้าพื้นยาง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย รวมถึงเด็กๆ มีแค่ 5% ของประชากรบนโลกนี้ที่ใช้พื้นรองเท้าที่ทำจากหนัง รองเท้าที่ทำจากพื้นยางมันดีที่ไม่ลื่น ใช้งานสะดวก แต่ปัญหาใหญ่คือมันไม่ระบายอากาศ จึงมีปัญหาเรื่องการระบายอากาศที่ทำให้ผู้สวมใส่เกิดความอึดอัดได้”

 

มาริโอก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเผชิญปัญหานี้มาก่อนตอนที่เขาเดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกากับพ่อของเขาซึ่งทำงานเป็นเจ้าของโรงบ่มไวน์ แต่เมื่อเขาบินไปถึงอเมริกาก็พบว่าอากาศมันร้อนมากและทำให้เท้าของเขาเหงื่อออก เขาจึงตัดสินใจใช้มีดพก Swiss Army มาเจาะรูบนพื้นรองเท้าให้อากาศถ่ายเท ก่อนที่เขาจะนำไอเดียดังกล่าวไปประยุกต์ต่อเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนชีวิต

 

“เท้าเนี่ยต้องหายใจ แบรนด์ GEOX จึงดีไซน์รูขึ้นมาบนพื้นรองเท้า แต่รูดังกล่าวเป็นรูที่เมื่อฝนตกแล้วน้ำจะไม่เข้าไป เพราะข้างในมี ‘เมมเบรน’ (Membrane) เพราะว่าเมมเบรนนี้ทำให้ไอน้ำจากเท้าระบายออกมา แต่น้ำไม่เข้า สิ่งที่ดีมากๆ สำหรับการใช้เทคโนโลยีนี้คือเท้าเราจะแห้งเสมอ”

 

ซึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนาจากรองเท้าเจาะรูนี้ยังถูกจดลิขสิทธิ์ไว้มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และในสภาพอากาศแบบประเทศไทย เทคโนโลยีดังกล่าวก็ยังเหมาะมากๆ อีกด้วย ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของเอเชียร่วมกับประเทศอื่นๆ อย่างจีน สิงคโปร์ และฮ่องกง เราจึงถามถึงตลาดของแบรนด์ GEOX ว่าได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าไหนมากที่สุด มาริโอตอบว่าลูกค้าที่เลือกใส่ GEOX มีทั้งผู้ใหญ่ วัยรุ่น ไปจนถึงเด็กๆ

 

“ของเด็กเราก็มีโปรเจกต์ใหม่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้นมาคือรองเท้าที่เขียนข้อความเองได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งจะต่อบลูทูธกับรองเท้าและสามารถชาร์จไฟได้ด้วย ข้อความเหล่านั้นก็จะไปโชว์บนรองเท้าได้ พอมันเขียนอะไรก็ได้ เราก็หวังว่าเด็กๆ จะเขียนคำดีๆ ไม่ใช่คำหยาบนะ”

 

 

แม้ว่าในมุมมองของเรา GEOX จะดูเป็นรองเท้าของผู้ใหญ่ แต่แท้จริงแล้วเขาตั้งใจให้ GEOX เป็นแบรนด์สำหรับทุกคนในทุกช่วงอายุ ด้วยดีไซน์ทั้งหมดที่ถูกออกแบบในอิตาลีเพื่อให้ตอบรับกับรสนิยมของลูกค้าทุกกลุ่ม “เรายังใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ของเรา รวมทั้งการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นครอบครัวหรือแม่ลูกในการโปรโมตด้วย ซึ่งได้ผลอย่างมาก”

 

ในช่วงหลังๆ GEOX ยังพยายามให้ความสำคัญกับกลุ่มมิลเลนเนียลมากขึ้น โดยพวกเขากำลังวางแผนทำโปรเจกต์ใหม่ที่จะเพิ่มสีสันให้กับสินค้าทั้งรองเท้าและเสื้อผ้าเพื่อเพิ่มความสนุกและสดใสด้วย

 

 

นอกจากเทคโนโลยีเมมเบรนแล้ว เรายังถามถึงการพัฒนาเทคโนโลยีในโปรดักต์ของแบรนด์ GEOX และการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เสมอ ซึ่งมาริโอก็เล่าว่าที่ GEOX ให้ความสำคัญกับทีม R&D (Research and Development) เป็นอย่างมาก

 

“2% ของรายได้บริษัทจะลงทุนไปกับแผนก R&D มีทีมหลายสิบคนที่ทำด้านนี้ แล้วเขาก็จะศึกษาเรื่องการถ่ายเทความร้อนและการขยับร่างกายทุกๆ วัน นอกจากรองเท้าแล้ว เสื้อแจ็กเก็ตของ GEOX ก็ถูกออกแบบให้หายใจได้ โดยด้านในของเสื้อจะมีเส้นระบายอากาศให้ผู้ใส่รู้สึกสบาย ปกติความร้อนในร่างกายมนุษย์จะมาจากหน้าอกกับแผ่นหลัง ภายในเสื้อจึงมีเส้นนำพาความร้อนจากบริเวณดังกล่าวขึ้นมาบนไหล่ ใส่แล้วทั้งอบอุ่นและสบายมากขึ้น”

 

 

The Shoemaker

แต่กว่าที่มาริโอจะสร้างแบรนด์ GEOX ให้กลายเป็นผู้นำในตลาดรองเท้า Brown Shoes ได้ เขามาจากครอบครัวที่ทำโรงบ่มไวน์และเป็นเจ้าของโรงบ่มไวน์ในอิตาลี ทำให้มีแบ็กกราวด์ที่เกี่ยวกับเรื่องไวน์ และเขาเองก็เรียนจบด้านศาสตร์การทำไวน์ (Oenology) มาโดยตรงด้วย

 

“มันเป็นโลกที่ต่างกันมาก การทำไวน์มันต้องมีเรื่องความเป็นมาและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แต่ธุรกิจรองเท้ามันต้องใช้เทคโนโลยีและดีไซน์ที่อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องคนละขั้วเลย ฉลากไวน์อันหนึ่งเมื่อผลิตแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 50 ปี แต่ว่ารองเท้าคู่หนึ่งอยู่ได้แค่ซีซันเดียว ปีเดียวก็จบแล้ว เพราะมันมีแฟชั่นเข้ามาเกี่ยว

 

“ถ้าให้เปรียบเทียบ GOEX กับไวน์ ผมคงเลือก Prosecco มันเหมือนแชมเปญ แต่มีความฟรุตตี้มากกว่าในรสชาติ นอกจากนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิง และสามารถผลิตได้ที่ Veneto โซนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นโซนที่ผมอาศัยอยู่ด้วย”

 

เช่นเดียวกับคนสมัยใหม่ที่หันมาสร้างแบรนด์ของตัวเองและเป็นเจ้าของธุรกิจกันมากขึ้นแม้ว่าตัวเองจะเรียนจบมาจากสาขาที่แตกต่างกันละขั้ว เราจึงขอคำแนะนำจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แม้จะเรียนจบไม่ตรงสายคนนี้

 

“เรื่องนี้ซับซ้อนเหมือนกันนะ ทั้ง globalization ตอนนี้ และโลกก็พัฒนาไปไว สิ่งที่สำคัญจริงๆ ของการสร้างธุรกิจด้วยตัวเองคือมันต้องเร็ว ต้องรู้วิธีในการรับมือ ในการสร้างโปรดักต์ ไม่ใช่แค่รองเท้าหรือเครื่องนุ่งห่มเท่านั้น พอมี globalization แล้วทุกอย่างมันต้องเร็วและเติบโตไปพร้อมกับ globalization พร้อมกันในทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้นเราต้องปรับตัวตามตลาดให้ทันและรู้จักตลาดของเราให้ดีที่สุด”

 

 

จากแบรนด์รองเท้าที่เรามองเผินๆ แล้วคิดว่าเป็นรองเท้าแฟชั่นคุณภาพดีทั่วไป แต่มาริโอตั้งใจใส่เอกลักษณ์ความเป็นอิตาเลียนที่เป็นบ้านเกิดของเขาในการออกแบบ บวกกับเทคโนโลยีรูระบายอากาศในพื้นรองเท้าทุกคู่ ทุกดีไซน์ จนทำให้ GEOX ประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน และเขาเองก็เชื่อว่าทั้งการออกแบบคุณภาพอิตาลีและเทคโนโลยีที่ไม่มีใครเหมือนถือเป็นโชคดีสองชั้นของทั้งแบรนด์และคนที่ซื้อไปจริงๆ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE



Latest Stories

Close Advertising